ที่ตั้ง อาณาเขต และพื้นที่
ทิศเหนือ
ติดกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นระยะทาง 1,281 กิโลเมตรทิศใต้
ติดกับทะเลจีนใต้ทิศตะวันตก
ติดกับประเทศลาว ระยะทาง 2,130 กิโลเมตร กัมพูชา ระยะทาง 1,228 กิโลเมตรและอ่าวไทยทิศตะวันออก
ติดกับอ่าวตังเกี๋ย และทะเลจีนใต้พื้นที่
เวียดนาม มีพื้นที่ 331,033 ตารางกิโลเมตร หรือ คิดเป็น 0.645 เท่าของ ประเทศไทยเป็นประเทศมี ลักษณะเป็นแนวยาว โดยมีความยาวจากเหนือจรดใต้ 1,750 กิโลเมตร ขนานไปตามแนวยาวของคาบสมุทรอินโดจีน นอกจากนี้ ยังมีไหล่เขาและหมู่เกาะต่างๆ อีกนับพันเกาะเรียงรายตั้งแต่อ่าวตังเกี๋ยไปจนถึงอ่าวไทย
เขตการปกครอง
เวียดนาม แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 59 จังหวัด และ 5 เทศบาลนคร โดย 5 เทศบาลนคร ประกอบด้วย ฮานอยโฮจิมินห์ไฮฟอง ดานัง และ เกิ่นเธอ
โทรศัพท์
ระหัสประเทศเวียดนาม คือ 84 การใช้โทรศัพท์สะดวกรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นการติดต่อภายในประเทศหรือต่างประเทศ
หมายเลขโทรศัพท์ที่ควรรู้
ตำรวจ 113 ดับเพลิง 114 รถพยาบาล 115 สอบถามข้อมูลทั่วไป 1080
ชุดประจำชาติ
ชุดประจำชาติชาวเวียดนามเรียกว่าชุด อ๋าวหญ่ายซึ่งแปลว่า ชุดยาว ส่วนมากจะนิยมใส่กันในเมืองใหญ่ๆหรือเจ้าหน้าที่ๆต้อนรับชาวต่างชาติ เช่นในสนามบิน นักศึกษาที่กำลังจะรับปริญญาถ่านรูปไว้เป็นที่ระลึกฃ
เวลาทำการของขององค์กรรัฐและเอกชน
- หน่วยงานราชการ สำนักงาน และองค์กรให้บริการสาธารณสุข 8.00 – 16.30 น. ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ - วันศุกร์ พิพิธภัณฑ์จะเปิดให้บริการวันเสาร์อีกครึ่งวัน
- ร้านค้าเอกชนทั่วไป ให้บริการระหว่าง 6.00 – 18.30 น.
- ธนาคารพาณิชย์ ให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ ระหว่างเวลา 8.00 – 16.00 น. (หยุดพักเวลา 12.00 – 13.00 น.)
- สำนักงานไปรษณีย์โทรเลข ให้บริการ ตั้งแต่ 7.00 – 20.00 น.
- โรงงานอุตสาหกรรม ทำงานวันจันทร์ – วันศุกร์ และวันเสาร์อีกครึ่งวัน โดยเวลาทำงานรวมไม่เกิน 48 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ หากเกินจากนี้ต้องจ่ายค่าล่วงเวลา สำหรับวันหยุดประจำสัปดาห์ต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่ม 2 เท่า และวันหยุดนักขัตฤกษ์จ่ายเพิ่ม 3 เท่า
ลักษณะภูมิอากาศ
เนื่องจากแผ่นดินของเวียดนามมีความยาว ทำให้ลักษณะภูมิประเทศ และภูมิอากาศแตกต่างกันค่อนข้างมาก ดังรายละเอียดต่อไปนี้ภาคเหนือ
ภูมิประเทศ ประกอบด้วยภูเขาสูงมากมาย โดยเฉพาะเทือกเขาฟานสีปัน สูงจากระดับน้ำทะเล 3,143 เมตร สูงที่สุดในอินโดจีน และมีแม่น้ำสายสำคัญคือ แม่น้ำกุง ซึ่งไหลไปบรรจบกับแม่น้ำแดงเป็นดินดอนสามเหลี่ยมที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูกและยังเป็นที่ตั้งของเมืองฮานอย ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเวียดนาม มีที่ราบลุ่ม Cao Bang และ Vinh Yen ตลอดจนเกาะแก่งกว่า 3,000 เกาะ ที่อ่าวฮาลองเนื่องจากพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตอากาศหนาว ซึ่งได้รับอิทธิพลกระแสลมแรงพัดจากขั้วโลก ทำให้มีสภาพภูมิอากาศหนาวเย็น ภูมิอากาศในเขตภาคเหนือแบ่งออกได้เป็น 4 ฤดู- ฤดูหนาว(เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) มีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 7 - 20 องศาเซลเซียส และจะหนาวที่สุดในเดือนมกราคม
- ฤดูใบไม้ผลิ(เดือนมีนาคม-เมษายน) จะมีฝนตกเล็กน้อยและชุ่มชื้น อุณหภูมิประมาณ 17 - 23องศาเซลเซียส
- ฤดูร้อน(เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม) สภาพอากาศร้อนและมีฝน อุณหภูมิ 30 - 39 องศาเซลเซียส
- ฤดูใบไม้ร่วง(เดือนกันยายน-พฤศจิกายน) อุณหภูมิประมาณ 23 - 28 องศาเซลเซียส
ภาคกลาง
ภาคกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงซึ่งเต็มไปด้วยหิน ภูเขาไฟ หาดทราย เนินทราย และทะเลสาบ ภูมิอากาศในเขตภาคภาคกลาง 2 ฤดู- ฤดูฝน(พฤษภาคม-ตุลาคม) เดือนที่อากาศร้อนที่สุดคือ มิถุนายน-กรกฎาคม อุณหภูมิเกือบ 40 องศา
- ฤดูแล้ง(ตุลาคม-เมษายน) เดือนที่อากาศเย็นที่สุด คือ มกราคม อุณหภูมิเกือบ 20 องศา
ภาคใต้
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง แต่ก็มีที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง หรือชื่อที่รู้จักคือ กู๋ลอง (Cuu Long) อันเป็น พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งเพาะปลูกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม และเป็นที่ ตั้งของกรุงโฮจิมินห์ซิตี้ หรือ ไซ่ง่อน ภูมิอากาศค่อนข้างร้อน อุณหภูมิประมาณ 27 - 35 องศา มี 2 ฤดู คือ- ฤดูฝน(เดือนพฤษภาคม-พฤศจิกายน) เดือนที่ร้อนที่สุดคือ เดือนเมษายน อุณหภูมิประมาณ 39 องศา
- ฤดูแล้ง(เดือนพฤศจิกายน-เมษายน) เดือนที่อากาศเย็นที่สุดคือ มกราคม อุณหภูมิประมาณ 26 องศา
เมืองหลวงและเมืองที่สำคัญ
1. กรุงฮานอย
ฮานอย หมายถึงตอนต้นของแม่น้ำ ตั้งอยู่ตอนต้นอยู่บนลุ่มแม่น้ำแดง เป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนาม2.นครโฮจิมินห์
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม เดิมชื่อเมืองไซ่ง่อนและเป็นศูนย์กลางการค้า การสื่อสาร และการขนส่งของเวียดนาม3. ดานัง
เป็นหนึ่งในสามศูนย์กลางของวัฒนธรรมที่อยู่อาศัยที่เป็นที่รู้จักของโลก มีท่าเรือและท่าอากาศยานนานาชาติ เมืองดานัง เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ตั้งอยู่บนแม่น้ำหาน มีอ่าวดานังซึ่งมีหาดทรายยาวมากอยู่ทางทิศตะวันออก เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมเมืองหนี่งของเวียดนามกลาง4. ไฮฟอง
เป็นเมืองที่อยู่ทางภาคเหนือ มีท่าเรือน้ำลึกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากท่าเรือนครโฮจิมินห์ ห่างจากนครฮานอยเมืองหลวง 105 กม. ตัวเมืองไฮฟอง ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำ Cua Cam River ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำสายหลักของแม่น้ำแดงและ มีท่าเรือไฮฟองเป็นท่าเรือที่สำคัญที่สุดการเดินทาง
การเดินทางระหว่างประเทศ
เวียดนามมีสนามบินนานาชาติอยู่ 2 แห่ง คือ สนามบินนอยใบ กรุงฮานอย และ สนามบิน Tan Son Nhat โฮจิมินห์ หากเดินทางจากประเทศไทย สามารถเดินทางได้ดังนี้- เดินทางไปเวียดนามเหนือ ใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ – ฮานอย มีสายการบินที่บินอยู่หลักๆดังนี้ การบินไทย แอร์เอเซีย เวียดนามแอร์ไลน์ การ์ต้าแอร์เวย์
- เดินทางไปเวียดนามใต้ ใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ – โฮจิมินห์ มีสายการบินที่บินอยู่หลักๆดังนี้ การบินไทย แอร์เอเซีย เวียดนามแอร์ไลน์ การ์ต้าแอร์เวย์
- การเดินทางโดยรถยนต์ การเดินทางโดยรถยนต์สามารถเดินทางได้ทั้งเวียดนามกลาง และ เหนือ แต่ที่นิยมกันจะป็นเวียดนามกลาง โดยเดินทางออกจากไทยมี่มุกดาหารผ่านประเทศลาวแขวงสะหวันเขต ผ่านแดนลาวเข้าสู้เมืองเว้ ดานัง ฮอยอัน
การเดินทางภายในประเทศ
มีสนามบินภายใน คือ สนามบินเว้ สนามบินดานัง สนามบินดาลัดสายการบินหลักภายในที่มีเที่ยวบินทุกวันจะเป็น เวียดนามแอร์ไลน์ ส่วนแอร์แม่โขงต้องเช็ครายละเอียดเรื่องวันและเวลาบินอีกครั้งหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยวเวียดนามคงต้องแบ่งเป็นสามภาค คือ เวียดนามเหนือ เวียดนามกลาง เวียดนามใต้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้1. เวียดนามเหนือ
สุสานโฮจิมินห์
เป็นสถานท่องเที่ยวหลักที่นักท่องเที่ยวสนใจเข้าชมกันมากเป็นอาคารสุสานที่เก็บร่างของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ซึ่งทางการเวียดนามได้ทำการตกแต่งบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดีและน่าชมเป็นอย่างยิ่งบ้านพักประธานาธิบดีโฮจิมินห์
บ้านไม้ 2 ชั้นแบบใต้ถุนสูง ซึ่งจะเป็นทั้งที่ทำงาน รับแขก และ พักผ่อน ตัวบ้านยังคงได้รับการรักษาไว้เหมือนเพิ่งทำการสร้างเสร็จใหม่วัดเจดีย์เสาเดี่ยว
วัดที่สร้างถวายแด่เจ้าแม่กวนอิมโดยมีตำนานที่เล่าขานว่ากษัตริย์ของเวียดนามพระองค์หนึ่งต้องการมีพระโอรสแต่ก็ไม่สามารถมีได้ คืนหนึ่งทรงสุบินเห็นเจ้าแม่กวนอิม และหลังจากนั้นพระองค์ได้พระโอรสสมใจ จึงได้สร้างวัดนี้ถวายแด่เจ้าแม่กวนอิมดังกล่าวพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์
เป็นอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่อดีตประธานาธิบดีโฮจิมนห์ภายในอาคารมีรูปปั้นและชีวประวัติ สิ่งของต่างๆที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดี ตั้งแต่เยาวัยจนถึงการกอบกู้เอกราชให้กับประเทศเวียดนามวัดแห่งวรรณกรรม
ในอดีตระยะเวลากว่า ร้อยปี วัดแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่สอบจ้อหงวน เพื่อเป็นขุนนางในสมัยโบราณ จึงถูกขนานนามว่า เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนาม ซึ่งหลักฐานที่ปรากฎให้เห็นอยู่ในปัจจุบันคือ ป้ายหินที่สลักชื่อของผู้ที่สอบผ่านเป็นจ้อหงวนตั้งอยู่บนหลังเต่าภายในวัดแห่งนี้ และมีความเชื่อถึงปัจจุบันที่นักเรียน นักศึกษายังนิยมไปขอพรก่อนที่จะเข้าทำการสอบ หรือนักศึกษาที่กำลังจะรับปริญญาจะมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกฮาลองเบย์
อ่าวที่มีเกาะหินปูนจำนวนกว่า 1900 เกาะโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำทะเลทั้งใหญ่และเล็ก มีรูปร่างที่แตกต่างกัน บางเกาะมีถ้ำอยู่ด้วย ถ้ำที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคือ ถ้ำเสาไม้ เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงามมากมาย ที่ท่าเทียบเรือมีเรือคอยให้บริการนักท่องเที่ยวหลายร้อยลำ ทั้งล่องแบบธรรมดาประมาณ 4 ชั่วโมง และพักค้างคืนในทะเลฮาลองบก
หรือนิงบิงห์เป็นจังหวัดหนึ่งของเวียดนาม ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 110 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2ชั่วโมงเศษ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือวัดที่อายุกว่า ร้อยปี 2 วัด หลังจากชมวัดแล้ว หากเป็นชาวต่างประเทศจะถีบจักรยานไปยังท่าเรือ เพื่อชมธรรมชาติระหว่าง การล่องเรือที่ฮาลองบกนี้เป็นการล่องเรือพายนั่งได้ 4 คน ชมธรรมชาติทุ่งนา ป่าเขาสวยงาม ระหว่างนั่งเรือต้องเตรียมหมวกหรือร่มกันแดด ซึ่งการล่องเรือนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และไม่ต้องอารมณ์เสียสำหรับการพยายามขายสินค้าที่ระลึกของคนพายเรือวัดธูปหอม (Perfume Pagoda)
อยู่ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 60 กิโลเมตร แต่จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเศษเป็นการท่อเที่ยวชมธรรมชาติ ซึ่งการดินทางทั้งนั่งเรือพาย ขึ้นกระเช้าเป็นการท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทัวร์จากกรุงฮานอย2. เวียดนามกลาง
วัดเทียนมู่
อยู่ที่เมืองเว้ ริมฝั่งแม่น้ำหอม เป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนานิกายเซน มีเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยม สูงลดหลั่นกัน 7 ชั้น แต่ละชั้นหมายถึงภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า ภายในบริเวณวัดมีศิลาจารึก และ ระฆังสำริดขนาดใหญ่ ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเมื่อ พ.ศ. 2506 เจ้าอาวาสชื่อ พระภิกษุทิกกวางหยุก วัดเทียนมู่นี้ได้ประท้วงรัฐบาลโดยการเผาตัวเองล่องเรือมังกร
ที่เรียกว่าเรือมังกรคงเป็นเพราะว่าชาวเวียดนามให้ความเคารพนับถือมังกรมาก ซึ่งคอยปกป้องคุ้มครองเวียดนามจากการรุกรานของข้าศึกที่อ่าวฮาลองเบย์ เลยทำหัวเรือเป็นรูปของหัวมังกร ส่วนตัวเรือก็เหมือนปกติทั่วไปที่พิเศษ สำหรับการล่องเรือจะเป็นการแสดงศิลปพื้นเมืองและการร้องเพลงพื้นบ้าน การเล่นเครื่องคนตรีของชาวเมืองเว้ตลาดดองบา
เป็นตลาดขนาดใหญ่ ที่มีสินค้าให้ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวได้ช้อปมากมาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวไทย ช้อปกันจนแม่ค้าทั้งหลายพูดภาษาไทยได้ สินค้าส่วนใหญ่จะมาจากจีนส่วนจำพวกอาหารแห้งเช่นปลาหมึก กุ้งแห้ง ราคาจะถูกกว่าตลาดในเมืองไทยพระราชวังเว้
อันเก่าแก่และสวยงาม นี้สร้างขึ้นตามแบบวัฒนธรรมจีน ตัวอย่างเช่นเขตพระราชฐานชั้นในหรือเรียกว่า“นครต้องห้าม” สถานที่ที่จักรพรรดิเบ๋าได่ทำการมอบตราพระราชลัญจกร อันเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งพระราชอำนาจให้กับรัฐบาลสังคมนิยมเวียดนามสุสานจักรพรรดิ์ไคดินห์
สร้างขึ้นบนเนินเขา ห่างจากเมืองเว้ประมาณ 10 กิโลเมตร อดีต เว้ เป็นเมืองเอกของราชวงศ์เหงียน จักรพรรดิ์ไดคินห์ เป็นจักรพรรดิ์องค์ที่ 12องค์สุดท้ายของราชวงศ์เหงียน หลังจากมีการขึ้นภาษีที่เรียกเก็บจากราษฏร ซึ่งส่วนใหญ่ยังยากจน และนำเงินส่วนหนึ่งของภาษีที่เก็บได้ ไปสร้างสุสานให้กับตนเองขณะที่ยังมีชีวิต เป็นเหตุให้ประชาชนไม่พอใจและเป็นที่มาของการสิ้นสุดราชวงค์เหงียนพิพิธภัณฑ์จาม
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงความเป็นมาของชนชาติจาม ได้จัดสร้างขึ้นโดยสถาบันวิจัยทางโบราณคดีของฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ.2479 และ นิทรรศการที่จัดแสดงนี้ สะท้อนถึงยุคสมัยทั้ง 4 ยุค ตามแหล่งกำเนิดของอารยธรรมได้แก่ หมี่เซิน ตราเกียว ด่งเดืองและทาพเมินหมู่บ้านแกะสลักหินอ่อน
เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ห่างจากดานังมาทางเส้นทางฮอยอันประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านที่มีอาชีพในการแกะสลักหินอ่อนมานานกว่า 300 ปีซึ่งหินที่ใช้แกะสลัก นำมาจากเขาที่อยู่ในบริเวณไกล้เคียงหมู่บ้าน ซึ่งปัจจุบันเหลือน้อยและต้องนำมาจากแหล่งอื่นๆ เพราะช่างแกะสลักที่มีควาามชำนาญนั้นต้องช่างจากหมู่บ้านนี้เท่านั้นฮอยอัน
อดีตเป็นเมืองท่าสำคัญของเอเชียใต้ นักเดินเรือจากประเทศต่างๆเข้ามาค้าขายกันมาก จึงเกิดชุมชนของพ่อค้านักธุรกิจที่มาค้าขาย เข้ามาตั้งร้านค้าอยู่ในเมืองนี้ และปัจจุบันยังคงเห็นตึกอาคารรูปทรงของชาติต่างๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ฝรั่งเศส เป็นต้นและย่านการค้าเก่าแก่นี้ได้ขี้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2542 ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้นสะพานญี่ปุ่น
สะพานแห่งมิตรไมตรี สมันก่อน มีเพียงคลองกั้นแบ่งเขตซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นชุมชนของชาวญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นจึงสร้างสะพานนี้ทอดข้ามคลองมา จึงทำให้มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก่อสร้างเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้วมีลักษณะเป็นรูปทรงโค้งของสะพานและหลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็น คลื่น ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัสที่สร้างอุทิศให้แก่ดั๊กเดและตรันหวู ก่อนเดินข้ามสะพานด้านซ้ายมือจะมีรูปปั้นสุนัขกำลังนั่ง และเมื่อข้ามไปแล้วก็จะเจอกับลิงอีกตัวสมาคมฟุกเกี๋ยน (Phouc Kien Assembly Hall)
เป็นวัดที่นับเป็นศูนย์กลางของการเที่ยวชมเมืองโบราณฮอยอันหรือโฮ่ยอาน ซึ่งเป็นศูนย์รวมของชาวจีนที่อพยพเข้ามาในช่วงปี พ.ศ.2388-2428 ถือเป็นสมาคมชาวจีนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองฮอยอัน โดยพื้นที่สมาคมใช้สำหรับเป็นที่พบปะของคนหลายรุ่นที่อพยพมาจากมณฑลฟุ กเกี๋ยนที่มีพื้นเพและแซ่เดียวกัน โดยใช้เป็นที่ระลึกถึงถิ่นกำเนิดและบูชาบรรพบุรุษในตระกูลของตน และภายในยังเป็นที่ตั้งของวัดที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับลัทธิของพระนาง เทียนเห่า ที่มีจุดเด่นอยู่ที่งานไม้แกะสลัก ลวดลายสวยงามน่าชมบ้านโบราณอายุ 200 ปี
บ้านเลขที่ 101 ซึ่งเป็นบ้านไม้ที่เก่าแก่ 2 ชั้น และสวยงามที่สุดของเมืองฮอยอัน สร้างขึ้นมาเมื่อ 75 ปีที่แล้ว และอยู่กันมา 5 รุ่นภายในแบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับประโยชน์การใช้สอยที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ห้องสมุด ห้องรับแขก และห้องครัว การเยี่ยมชมบ้านเก่าแก่ประจำตระกูลต่างๆ บนถนนเส้นนี้ถือเสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาเยือนเมืองฮอยอันก็คือ บ้านเก่าแก่ที่ยังคงความงดงาม ซึ่งมีอยู่หลายหลัง3. เวียดนามใต้
อดีตทำเนียบประธานาธิบดี
ปัจจุบันเรียกกันว่าทองยัด และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ด้วย เคยเป็น ทำเนียบของผู้ว่าการชาวฝรั่งเศสที่เรียกว่า ทำเนียบนโรดม อดีตประธานาธิบดี โงดินห์เดียมของเวียดนามใต้ได้พำนักอยู่ในทำเนียบแห่งนี้ ในปี พ.ศ. 2506 ทำเนียบนี้ถูกทิ้งระเบิดและได้มีการสร้างอาคารใหม่ ที่รู้จักกันในชื่อ ทำเนียบอิสรภาพ ขึ้นแทนที่โครงสร้างเก่าถูกทำลาย อาคารปัจจุบันออกแบบโดยโงเวียดทู สถาปนิกชาวเวียตนามผู้สำเร็จการศึกษาจากฝรั่งเศส และสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2509 ก่อนจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2518 เมื่อกองกำลังคอมมิวนิสต์ได้เคลื่อนขบวนรถถังเข้าชนประตูเหล็กด้านหน้าของ ทำเนียบและโค่นรัฐบาลเวียตนามใต้ลงพิพิธภัณฑ์สงคราม
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมหลักฐานของความโหดร้ายของสงครามในเวียดนาม เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนโฮจิมินห์ ซิตี้ พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่ถนน Vo Van Tan หน้าพิพิธภัณฑ์มีอาวุธสงครามตั้งแต่แสดงอยู่หลายชิ้น เช่น เครื่องบินรบ ปืนใหญ่ และเครื่องกิโยตินที่ใช้ตัดคอนักโทษฝรั่งเศสที่นำมาใช้ในเวียดนามข้างในพิพิธภัณฑ์แสดงรูปถ่ายและประจักษ์พยายของความเหี้ยมโหดทารุณของสงครามที่ได้เกิดขึ้นในเวียดนามไปรษณีย์กลางเวียดนาม
ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองโฮจิมินห์ ใกล้กับโบสถ์นอร์ทเธอดาม มีการออกแบบก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศส และได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระจกสี เป็นไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียตนาม ก่อสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2439 เสร็จในปี พ.ศ. 2444โบสถ์นอร์ทเทอดาม
ตั้งอยู่บริเวณกลางเมือง บนถนน Han Thuyen ได้รับการก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2420 ใช้ระยะเวลาการสร้าง 6 ปี ไม่มีการประดับด้วยกระจกสีเหมือนโบสถ์คริสต์อื่นๆ เพราะได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สำหรับโบสถ์แห่งนี้ ได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเวียตนาม โดยในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมายจตุรัสโฮจิมินห์
ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองโฮจิมินห์ จุดเริ่มต้นของการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองโฮจิมินห์ โดยจุดนี้จะมีรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ กับเด็กๆ ด้านหลังเป็นศาลาว่าการเมือง สวยงามในสไตล์ฝรั่งเศสอุโมงค์กู๋จี
เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของเวียดนามที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องมาเยือน อยู่ห่างจากโฮจิมินห์ ซิตี้ เพียง 70 กิโลเมตร เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ในการสู้รบระหว่างทหารของเวียดกง กับ ทหารอเมริกัน และพันธมิตรโดยทหารเวียดกง ใช้ยุทธวิธีสู้รบด้วยการขุดอุโมงค์ใต้ดินเป็นที่ซ่อนตัวและ อุโมงค์นี้ขุดโดยชาวบ้านที่มีเพียงจอบเสียมเป็นเครื่องมือ ค่อย ๆ ขุดดินแล้วใส่ตะกร้าลำเลียงออกมาทิ้งข้างนอกทุกวัน สร้างเส้นทางใต้ดินเชื่อมติดต่อกันเป็นโครงข่ายกว้างขวาง ความยาวถึง 250 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่าแสนไร่พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิ์ เบ๋าได๋
เป็นที่ประทับหลังเสร็จสิ้นภาระกิจในช่วงฤดูร้อน ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ชมจะเป็นของดั้งเดิมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน ชุดรับแขก ชุดพักผ่อน นั่งเล่น การเข้าชมจะมีพลาสติกใส่คลุมรองเท้า เพื่อป้องกันการสึกกร่อนของพื้นและรักษาความสะอาดWhale Temple
ตามเรื่องเล่าต่อกันมาว่า เป็นการสร้างวัดเพื่อเก็บกระดูกปลาวาฬ ที่ได้ช่วยเหลือและป้องกันชาวประมง ให้พ้นจากอันตรายทั้งหลายขณะออกหาปลา ภายในวัดจะมีตู้ใส่กระดูกปลาวาฬไว้เพื่อระลึกถึงความดีChrist Hill
เป็นรูปอนุเสาวรีย์พระเยซู ยืนกางแขนตระหง่านบนเนินเขาด้านในตัวพระเยซูจะโล่งมีบันใดขึ้นสู่ด้านบนที่เดินทางสวนกันได้ สามารถขึ้นได้ถึงส่วนบ่า และยืนดูวิวชายหาดชายทะเลหวุงเต่าได้อย่างสวยงาม แต่การเดินทางขึ้นไปนั้นต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแรงพอสมควรดาลัด หุบเขาแห่งความรัก
ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของทะเลสาบซวนฮวางราว 5 กิโลเมตรหุบเขาแห่งความรักหรือที่ชาวเวียดนามเรียกทุงหลุงติงห์เอียว มีลักษณะเป็นหุบเขาซึ่งมีทะเลสาบอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยเนินเขาเตี้ยๆ ที่ปกคลุมด้วยไม้สน หากมีเวลาที่นี่จะมีรถจี๊บนำเที่ยวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงวัดเส้าหลิน
เป็นวัดจีน ที่ตั้อยู่บนยอดเนินเขา ตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ยืนต้นอย่างสวยงาม บรรยาการร่มรื่น สวยงาม การเดินทางขึ้นเขาด้วยรถแล้วเดินทางขึ้นบันใดอีกนิดหน่อย เวลาเข้าไปกราบพระพุทธรูปจะมีพระคอยตีไม้ให้จังหวะเหมือนกับเวลาสวดมนต์ การลงจากเขาจะลงด้วยการนั่งกระเช้าทำให้เห็นเมืองดาลัดแบบ 360 องศาเลยทีเดียวน้ำตกดาลันทา
เป็นน้ำตกที่ใหลลงจากเนินไม่ใหญ่โตนัก ส่วนไฮไลท์อยู่ที่การเดินทางลงไปดูน้ำตกจากที่จอดรถ จะเป็นการลงโดยรถล้อเลื่อนขนาดจุ 2 คนผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลังจะเป็นคนคอยเบรคไม่ให้ลงเร็วเกินไป และเป็นที่สนุกสนานอย่างมากทะเลทรายขาว
ทะลทรายขาวหรือ White Sandune เนินทราย ที่ใหญ่ที่สุดของ มุยเน่ อยู่ห่างจากตัวหมู่บ้าน มุยเน่ 30 กม ทะเลทรายขาว (Doi Cat Trang) กองภูเขาทรายสีขาว ซึ่งใหญ่ที่สุดของมุยเน่ มี Sand Dune หรือ ภูเขาทรายสูงกว่า 40 เมตร ทำให้คนที่ขึ้นไปยืนบนยอดเนินทราย กลายเป็นมดไปเลยทีเดียวทะเลทรายแดง
ทะเลทรายอีกแห่ง ของมุยเน่ แต่ทรายกลับเป็นสีแดง ยิ่งยามเช้าๆ ฟ้าใสๆ จะตัดกับทรายสีแดง ทำให้แป๊ด ขึ้นมาเลยทีเดียว ทะเลทรายแดง นั้นอยู่ไม่ห่างจากฝั่งทะเลมากนัก ที่นี่จะมีเด็กๆชาวเวียดนามพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก คอยตามตื้อให้บริการกระดานเลื่อนสนนราคาค่าบริการต้องต่อรองกันเองแฟรี่สตรีม
เป็นโตรกผาของลำธาร หากมองจากมุมสูงจะสวยมาก จะเป็นลำธารน้ำตื้นๆสามารถเดินลุยน้ำเย็นๆชมธรรมชาติที่แปลกตา ระยะทางที่เดินเล่นประมาณ 1.5 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง แฟรี่สตรีมนี้เกิดจากลำธารเล็กๆ ไหลผ่านภูมิประเทศกึ่งทะเลทราย เซาะเป็นร่องโตรกว้างกว่า 20 เมตร เปิดให้เห็นชั้นดิน และทรายหลากสี ดูแล้วแปลกตาดีไม่น้อยเลยCrazy House
โรงแรมที่พักรูปทรงประหลาดนี้ เกิดจากความคิดไม่ธรรมดาของ สถาปนิก ลูกสาวของประธานาธิปดีคนที่ 2 ของเวียดนาม เรียนจบสถาปัตยกรรมจากประเทศฝรั่งเศส ภายในโรงแรม แต่ละห้องพักจะออกแบบและตกแต่งต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นภายในห้องหรือแม้แต่ประตูทางเข้า หากเช็คอินแล้วออกไปข้างนอกกลับมาอาจจะหาทางเข้าห้องไม่เจอก็ได้ภาษา ภาษาทางการคือ ภาษาเวียดนาม ภาษา ที่มีจำนวนคนพูดเป็นอันดับรองลงมา คือ ภาษาเขมร และที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ คือ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และ จีน ตัวอย่างของภาษาซินจ่าว - สวัสดี กามเอิน - ขอบคุณ ซินโหลย - ขอโทษ บั๊ค โก แคว คง - สบายดีหรือ กาม เอิง บิง เทือง - สบายดี ขอบคุณ ตามเบียด - ลาก่อน แฮน กับ ไล - พบกันใหม่ ยา ฮาง อัน - ร้านอาหาร ยา เว ซิง เอ๋อ เดา - ห้องน้ำอยู่ใหน เนิ้ก ดา - น้ำแข็ง เนิ้ก โซย น้ำปล่า เนิ้ก กำ ดา - น้ำแข็งเปล่า ฉ่า ด๋า - น้ำแข็งใส่น้ำชา เฝอ - ก๋วยเตี๋ย กา เฝ่า - กาแฟ แจ่ - ชา เบีย - เบียร์ เกิม - ข้าวสวย จ๋าว - ข้าวต้ม แบ๋ง มี่ - ขนมปัง เอิ้ก - พริก หมง - ช้อน เนี้ย - ส้อม แหยม แย้ - ลดอีก อัน เอี่ยว แอม - พี่รักน้อง อัน ทิด แอม - พี่ชอบน้อง คง ก้อ เตี่ยน - ไม่มีตังค์ บาว เยียว - ราคาเท่าไหร่ บุ เดี๋ยน เอ๋อ ด๋าว - ไปรษณีย์อยู่ใหน แดป - สวยงาม แดป หลำ - สวยมาก แดป จ๋าย - หล่อมาก เตี่ยน - เงิน ติ้ง เตี่ยน - คิดเงิน โตย - ผม โตย ด๊อย โหย่ย - ฉันหิวแล้ว กวั่น เบน จ๊าย - เลี้ยวซ้าย กวั่น เบน ฝาย - เลี้ยวขวา ดี ถัง - ตรงไป ตั๊ค - แพง ตั๊ด หลำ - แพงมาก เหล๋ - ถูก โค้ง ทิด - ไม่ชอบ หยา จอ โตย แหยๆ - ลดให้ผมมากหน่อย ถิด บ่อ - เนื้อวัว กา - ไก่ ก๊า - ปลา โตม - กุ้ง กัว - ปู จิม - นก แฮว - หมู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น