FAQ คำถามยอดฮิตของการเรียนต่อฝรั่งเศส
FAQ ABOUT STUDY IN FRANCE
คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับเรียนต่อฝรั่งเศส
1) อยากเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ทักษะภาษาฝรั่งเศสยัง beginner อยู่เลย จะเรียนต่อได้มั้ย
การไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสสามารถเรียนหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษได้เช่นกัน เฉกเช่นเดียวกับการที่เราไปเรียนที่ประเทศอื่นๆที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ เช่นจีน ญี่ปุ่น เยอรมันนี เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ดังนั้นการไปฝรั่งเศสเป็นการเปิดโลกทัศน์ของการการศึกษาต่อยุโรปที่ยอดเยี่ยมมาก และสามารถเลือกเรียนภาคภาษาอังกฤษได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาทางด้านบริหารธุรกิจและการจัดการ การท่องเที่ยวการโรงแรม และแฟชั่นดีไซน์
2) ถ้าไปเรียนต่อโททางด้าน MSc in International Luxury & Brand Management ต้องเตรียมบัดเจ็ทเท่าไหร่
สาขาที่คุณถามมีสอนเป็นภาคภาษาอังกฤษ ค่าเรียนจะอยู่ราวๆ 16000 EUR หรือประมาณหกแสนบาท ส่วนค่าครองชีพประมาณสามหมื่นบาทต่อเดือนหรือ 800 ยูโร สำหรับการเรียนปอโทที่ฝรั่งเศส 1 ปี แนะนำว่าบัดเจ็ทราวๆเก้าแสนหรือไม่เกินหนึ่งล้านบาทก็เพียงพอต่อค่าเรียนและค่าครองชีพหนึ่งปี
3) ลังเลอยู่ว่าจะไปต่อปอตรีทางด้านแฟชั่นดีไซน์ที่อังกฤษหรือฝรั่งเศสดี ตัดสินใจไม่ถูกเลย เพราะชอบทั้งสองประเทศ
โดยภาพรวมมาตรฐานการเรียนการสอนของทั้งสองประเทศน่าจะใกล้เคียงกัน ถ้าคุณชอบทั้งสองประเทศให้ลองลิสต์รายการมาว่าแต่ละประเทศมีข้อดีอย่างไร แล้วประเทศไหนจะตอบโจทย์เป้าหมายการศึกษาต่อหรือ career path ในสาขาแฟชั่นดีไซน์ได้มากกว่ากัน โดยทั่วไปนักศึกษาต่างชาติทั่วโลกจำนวนมากเลือกประเทศฝรั่งเศส เพราะเป็น reference ที่ดีของการได้มาเรียนที่เมืองหลวงแฟชั่นของโลกซึ่งนำไปสู่เส้นทางการเป็นดีไซน์เนอร์หรือผู้ประกอบการทางด้านธุรกิจแฟชั่นหรือการบริหารแบรนด์หรูและเป็นที่ยอมรับในวงการ แม้นกระทั่งนักศึกษาชาวอเมริกันและนักศึกษาชาวอังกฤษก็เลือกมาเรียนที่ฝรั่งเศสมากกว่าที่นิวยอร์กหรือลอนดอนเช่นกัน
4) ในระหว่างเรียนสามารถทำงานได้มั้ย
ตามกฎหมายฝรั่งเศส นักศึกษาสามารถทำงานได้ประมาณ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ทั้งนั้นการมาศึกษาต่อที่ฝรั่งเศสจะเน้นเรียนและนำความรู้วิชาการและการมีประสบการณ์จากการฝึกงาน การสนับสนุนการศึกษาของประเทศฝรั่งเศสไม่ได้เน้นที่ study & work ในเวลาเดียวกันเหมือนบางประเทศ ดังนั้นแนะนำว่าคุณควรมีบัดเจ็ทให้พร้อม การได้มีโอกาสทำงานพิเศษเป็นเหมือนของขวัญที่ทำให้คุณได้ pocket money เล็กๆน้อยๆ และได้ประสบการณ์การทำงานและการเรียนรู้ที่จะเข้าสังคมมากกว่า
5) จริงมั้ยที่บอกว่าการไปเรียนต่อฝรั่งเศสต้องปรับตัวเยอะมาก
ก็เห็นจะจริง (หัวเราะ) เพราะจาก feedback ของนักศึกษาไทยหลายๆคนที่ไปเรียนต่อดูจะผจญความวุ่นวาย ความยุ่งยาก ความงี่เง่าของระบบฝรั่งเศสพอสมควร เช่น บางหอพักนักศึกษาต้องใช้ห้องน้ำรวมหญิงชาย เจ้าหน้าที่ฝ่าย immigration ดุและราชการมาก คนขายของบางร้านไม่พูดภาษาอังกฤษเลย ฯลฯ แต่นั่นคือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้จริงๆที่หาไม่ได้จากประสบการณ์ชีวิตนักศึกษาที่เมืองไทย ทั้งนี้ทั้งนั้นประเทศฝรั่งเศสมีข้อดีอื่นๆมากมาย ที่ประเทศไทยเราหรือประเทศยอดฮิตของการเรียนต่ออย่าง อังกฤษ อเมริกา และออสเตรเลีย ไม่มี ก็คือระบบสวัสดิการสังคมที่นักศึกษาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศสหรือต่างชาติจะได้รับเงินช่วยเหลือที่พักนักศึกษา 30% จากรัฐบาล รวมถึงส่วนลดหย่อนต่างๆให้กับนักเรียนนักศึกษา อาทิค่ารถเมล์ รถไฟ สถานที่ท่องเที่ยว อีกทั้งความประทับใจอื่นๆที่ฝรั่งเศส อาทิ ระบบขนส่งมวลชนที่น่าทึ่งและตรงเวลามาก อาหารการกินอันอุดมสมบูรณ์ คอนเนคชั่นกับนักศึกษาฝรั่งเศสและนักศึกษาต่างชาติมากมาย ประสบการณ์การฝึกงานที่ประเทศฝรั่งเศส กิจกรรมวัฒนธรรมและ teambuilding ในหมู่เพื่อนนักศึกษา การได้มีโอกาสไป company visits ในฝรั่งเศสและในยุโรป เป็นต้น
6) สมัครเรียนหลายที่ได้มั้ย
แนะนำว่าให้คุณศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรและสถาบันต่างๆก่อน และเลือกสมัครเรียนในสถาบันที่คุณมั่นใจและอยากไปเรียนมากที่สุดก่อน เพราะการสมัครแต่ละสถาบันมีค่าสมัครด้วยประมาณ 90 -150 ยูโร และแทบทุกสถาบันส่วนใหญ่จะมีสอบสัมภาษณ์ทาง skype หรือโทรศัพท์กับทาง program manager ด้วย ดังนั้นเราไม่แนะนำให้คุณหว่านสมัครไว้เยอะๆ เพราะเป็นการเสียเงินค่าสมัครหลายที่ และเปลือง effort เกินไปโดยใช้เหต และ program manager แต่ละหลักสูตรของแต่ละสถาบันมีความคาดหวังในตัวผู้สมัครเรียนต่อสูงและเขาต้องอุทิศเวลาเพื่อมาสอบสัมภาษณ์คุณ ในกรณีที่ได้รับการตอบรับและสุดท้ายไม่เลือกศึกษาต่อที่สถาบันนั้นๆ ยกเว้นว่ามีเหตผลจำเป็นจริงๆ ตัวผู้สมัครเองจะดูไม่ดีอย่างแรงในระบบระเบียบการศึกษาต่อของยุโรป (เปรียบประดุจว่าคุณไม่มีความตั้งใจหรือจริงจัง) ดังนั้นให้เลือกสมัครกับสถาบันที่อยากเรียนมากที่สุดก่อน ถ้าสมมุติไม่ได้รับการตอบรับจริงๆ ค่อยส่งเอกสารการสมัครให้กับทางสถาบันที่สอง หรือที่สามตามลำดับ (หากไม่ได้รับการตอบรับ) ทางกลุ่มเรียนต่อฝรั่งเศสเชื่อว่าหากคุณศึกษาข้อมูลมาอย่างดีและเตรียมตัวสมัครอย่างดีเยี่ยมแล้ว คุณย่อมได้รับการตอบรับจากหนึ่งในสถาบันฝรั่งเศสแน่นอน
7) มีญาติอยู่ที่เมือง Limoges อยากให้ช่วยแนะนำสถาบันภาษาที่เมืองนี้ด้วย ตัดสินใจแล้วว่าปักหลักที่นี่
ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่าการมีญาติอยู่ที่ฝรั่งเศสไม่ได้เกี่ยวกับ project studies หรือแผนการเรียนต่อของคุณ สิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญคือ คุณอยากเรียนต่ออะไรหลังจากเรียนภาษาแล้ว สถาบันไหนบ้างที่มีหลักสูตรที่คุณต้องการ และคุณต้องเตรียมตัวอะไรบ้างสำหรับการลงทะเบียน รวมทั้งบัดเจ็ทสำหรับค่าเรียนและค่าครองชีพ หลังจากที่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว คุณจะรู้เองว่าต้องเรียนภาษาและต่อยอดการเรียนต่อปอตรี โท หรือเอก ที่สถาบันไหนหรือเมืองอะไร ซึ่งอาจจะเป็นเมืองที่คุณมีญาติอยู่พอดีก็โอเคไป แต่ถ้าบางสาขาที่คุณอยากเรียนไม่ได้อยู่ในเมืองที่คุณมีญาติอยู่ คุณควรจะเปิดใจให้กว้าง โดยไปเรียนที่เมืองอื่นๆที่ตอบโจทย์เป้าหมายการศึกษาต่อของคุณ ประเด็นนี้ใช้ได้กับนักศึกษาฝรั่งเศสเช่นกัน ตัวอย่างเช่น หลักสูตรปอโททางด้านการจัดการศิลปะของฝรั่งเศส (DESS Management des Arts de La France) มีเปิดสอนไม่กี่ที่คือบางมหาวิทยาลัยในปารีส และที่มหาวิทยาลัยอองเชร์ (Université d'Angers) นักศึกษาจากเมืองอื่นๆ เช่น Grenoble, Montpellier, Paris, etc ต่างก็เลือกมาเรียนต่อที่เมืองอองเชร์เช่นกัน ด้วยเหตผลเดียวว่าที่มหาวิทยาลัยนี้มีหลักสูตรปอโททาง ด้านการจัดการศิลปะของฝรั่งเศส พวกเขาต้องย้ายเมืองและมาอยู่หอพักนักศึกษาที่อองเชร์เพื่อเรียนหลักสูตรนี้
8) อยากมีประสบการณ์การไปเรียนต่างประเทศในสาขา MBA ดูไว้เยอะเลยทั้งที่อเมริกา อังกฤษ เยอรมันนี และฝรั่งเศส ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกที่ไหน
การเลือกประเทศเป็นอีกปัจจัยนึงต่อการศึกษาต่อต่างประเทศซึ่งความรู้วิชาการประเทศดังกล่าวน่าจะมีมาตรฐานและคุณภาพใกล้เคียงกัน โดยทั่วไปนักศึกษาที่เลือกไปฝรั่งเศสจะมีความรักความชอบในประเทศฝรั่งเศสแสนสวยแห่งนี้ อยากอยู่ที่ยุโรปซึ่งเป็นศูนย์กลางของศิลปะและวัฒนธรรมด้วย แม้นจะพูดภาษาฝรั่งเศสได้น้อยนิดมากก็ตาม เพราะพวกเค้าส่วนใหญ่เลือกเรียนต่อโปรแกรมอินเตอร์ หรือหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษอยู่แล้ว และการได้สัมผัสไลฟ์สใตล์ในแบบชีวิตนักศึกษาที่ฝรั่งเศสต่างหากเล่า คือสิ่งที่เติมเต็ม student life ของพวกเค้า หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความคิดคล้ายๆแบบนี้ค่อนไปมากกว่า 50% ตัดสินใจเลือกเรียนฝรั่งเศสเถอะ แล้วจะไม่ผิดหวัง :)
9) ถ้าเรียนต่อสาขากฎหมายที่ฝรั่งเศส ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
แน่นอนสาขากฎหมายส่วนใหญ่สอนภาคภาษาฝรั่งเศส คุณต้องมีผลสอบภาษาฝรั่งเศส DELF B2 ขั้นต่ำมายื่นสำหรับการสมัคร หรือบางสถาบันควรมีผลสอบภาษาฝรั่งเศส เลเวล C1 มายื่นจะเห็นว่า require สูงมาก การเตรียมความพร้อมภาษาฝรั่งเศสของคุณสามารถเริ่มที่เมืองไทยจนกระทั่งไปถึงประเทศฝรั่งเศส แม้นว่าคุณจะได้ B2 หรือ C1 มาจากเมืองไทยแล้วก็ตาม และพร้อมจะกระโดดเข้าคลาสปอโทกฎหมายในวันแรกของการเรียนได้เลย เราแนะนำว่าคุณควรไป warm up เรียนภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติมที่สถาบันภาษาในฝรั่งเศสก่อนเปิดเทอมปอโทอย่างน้อยๆ 1 เทอมหรือหกเดือนก็ยังดี เพราะชั้นเรียนปอโทที่โน่นจะหนักมาก และเลคเชอร์เร็วมาก อาจารย์ที่โน่นไม่สนใจว่าคุณเป็นนักศึกษาต่างชาติและจะพูดช้าๆชัดให้คุณเข้าใจ อาจารย์จะเลคเชอร์ปกติ ประหนึ่งคุณเป็นคนฝรั่งเศส หน้าที่ของคุณคือตามเลคเชอร์และทำความเข้าใจกับสิ่งที่อยู่ในห้องเรียนให้ทัน ซึ่งเป็นภาวะที่ลำบากมากสำหรับคนที่ไปถึงฝรั่งเศสใหม่ๆและไม่ได้เก็บชั่วโมงเรียนภาษาฝรั่งเศสที่สถาบันภาษาในฝรั่งเศสเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นการเรียนภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติมที่สถาบันภาษาที่ฝรั่งเศสด้วยจะช่วยให้คุณมีความเข้าใจและมีความยืดหยุ่นของเลคเชอร์ที่มีความเป็นฝรั่งเศสจัดๆได้เป็นอย่างดี
อนึ่ง สำหรับสาขาอื่นๆหลักสูตรภาคภาษาฝรั่งเศสก็ตาม ถ้าใครมีเลเวลภาษาแค่ B1 เราแนะนำให้ไปเรียนภาษาเพิ่มเติมที่ฝรั่งเศสเลยอย่างน้อยหนึ่งปี รับรองว่าคุณจะแฮ้ปปี้กับคลาสปอโทฝรั่งเศส เพราะคุณคุ้นเคยและเคยชินแล้วกับภาษาฝรั่งเศสแบบจัดหนักดังกล่าว ที่สำคัญเทอมแรกของการเรียนในแบบเลคเชอร์ของภาษาฝรั่งเศสจะโหดมาก แต่หลังจากนั้นคุณจะชินและเกิดอาการปรับตัวได้โดยอัติโนมัติ เทอมต่อไปของการเรียน French program จะเป็นเรื่องสบายๆสำหรับคุณเลย
10) เพิ่งจบปอตรีวิศวะมาหมาดๆ และอยากต่อโทบริหารทางด้าน Global Business Management (English track) ที่ฝรั่งเศส จะเป็นไปได้มั้ย
เนื่องจากว่าหลักสูตรปอโททางด้าน Global Business Management จะค่อนข้างประยุกต์กับนักศึกษาที่จบปอตรีมาแล้วหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นวิศวกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ รัฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือสาขาอื่นๆนอกเหนือจากบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะได้มีโอกาสตอบรับให้เรียนในสาขานี้ สำคัญคือคุณต้องมีผลภาษาอังกฤษที่แข็งแรงด้วย (TOEIC 750 หรือ IELTS 6.5 ขั้นต่ำ) และแสดง motivation อย่างแรงกล้าและชัดเจนว่าการเรียนหลักสูตรจะทำให้คุณได้ dual competency จากสาขาวิศวะยังไง และประโยชน์ของหลักสูตรที่จะต่อยอดเส้นทางการทำงานของคุณหลังจากเรียนจบ ถ้าคุณตอบคำถามเหล่านี้ได้ ทางสถาบันในฝรั่งเศสก็ไม่ปฏิเสธที่จะตอบรับให้คุณได้เข้าศึกษาต่อในสาขานี้เช่นกัน
11) ประเทศฝรั่งเศสมีอะไรน่าเรี ยนบ้างครับ
ประเทศฝรั่งเศสเป็นหนึ่ งในประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้ าทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มานานกว่าประเทศไทยและอี กหลายๆประเทศในโลก ดังนั้นความก้าวหน้าทางวิ ชาการด้านการศึกษาจึงมีทางเลื อกที่มากมายและหลากหลาย ซึ่งถ้าคุณคิดจะเลือกเรี ยนสาขาใดสาขาหนึ่งในประเทศฝรั่ งเศสแล้ว คูณจะแก่นความรู้ของสาขาวิชานั้ นๆอย่างถึงรากลึก ซึ่งจะทำให้คุณนำมาใช้ในอาชีพ และปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ ของการทำงานแบบยุโรปๆได้
จากคำถามว่าอะไรน่าเรียนบ้าง ขอตอบว่ามีอะไรที่น่าสนใจให้เรี ยนมากมายมรประเทศฝรั่งเศส แต่ต้องหันกลับไปถามตัวผู้เรี ยนเองว่า "คุณหล่ะ มีความสนใจอยากเรียน และได้ความรู้อะไรบ้าง"
สถาบันการศึกษาในประเทศฝรั่งเศส ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก มีชื่อเสียงหรือไม่มีก็ตาม จะรับคุณเข้าเรียนได้ ก็ต่อเมื่อคุณแสดงเจตจำนงค์ให้ กรรมการเห็นอย่างชัดเจนว่าคุ ณสนใจที่จะสมัครเรียนสาขาด้านนั้นจริงๆ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะมีเกรดเฉลี่ ยจากเมืองไทยไม่ค่อยสูงนักก็ตาม ดังนั้นถ้าคิดจะเรียนต่ อประเทศฝรั่งเศสจริงๆ กรุณาวางแผนการศึกษาของคุณสักนิ ด ก่อนมาสอบถามฝ่ายแนะแนว แล้วคุณก็จะได้คำตอบที่ชั ดเจนเกี่ยวกับอนาคตทางการศึ กษาของคุณกลับไป
12) อยากเรียนต่อด้านนิติศาสตร์ และรัฐศาตร์ ไม่ทราบว่ามหาวิทยาลัยไหนมีชื่ อเสียงด้านนี้คะ ได้ยินว่ามหาวิทยาลัย Sorbonne มีชื่อเสียงระดับโลก เข้าเรียนยากมั้ย
มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสทั้ งหมดกว่า 87 มหาวิทยาลัยเป็นของรัฐบาลทั้งสิ้ น และไม่มีการจัดลำดับความมีชื่ อเสียงแต่อย่างใด มหาวิทยาลัยทุกแห่งได้รับการรั บรองจากกระทรวงศึกษาธิ การของประเทศฝรั่งเศส มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ (SORBONNE) เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุ ดของฝรั่งเศส และแห่งหนึ่งของโลก จึงไม่น่าแปลกที่คนไทยจะได้ยิ นชื่อมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์กันบ่ อยครั้ง เมื่อพูดถึงการเรียนต่อกฎหมาย รัฐศาสตร์หรือด้านอื่ นๆในประเทศฝรั่งเศส ถ้าคุณคิดจะเรียนต่อที่ ประเทศฝรั่งเศส ก่อนอื่นคุณควรจะรู้ว่าจะเรี ยนสาขาไหน เพื่อหาสถาบันการศึกษาในฝรั่ งเศสว่ามีที่ไหนที่สอนสาขานี้ เช่นถ้าเป็นสาขาด้านนิติศาสตร์ มีมหาวิทยาลัยไหนบ้างเปิ ดสอนสาขานี้ ดังนั้นการจะเลือกเรียนต่อ สิ่งที่คุณควรคำนึงถึงมากที่สุ ด ไม่ใช่ความมีชื่อเสียงของสถาบัน แต่ควรให้ความสำคัญกับความรู้ที่คุณจะได้มากกว่าว่าที่ไหนเปิ ดสอนด้านที่คุณสนใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น