วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

บึงบอระเพ็ด

ที่นี่บึงบอระเพ็ด

บึงบอระเพ็ด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามจริงๆนะที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นบึงทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อที่ 132,737 ไร่ อยู่ในท้องที่สามอำเภอของจังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอท่าตะโก และอำเภอชุมแสง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ กลางบึงมีตำหนักแพที่สร้างขึ้นครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน
เดิมบึงบอระเพ็ดแห่งนี้มีชื่อว่า "ทะเลเหนือ" หรือ "จอมบึง" เนื่องจากมีสัตว์และพันธุ์พืชน้ำเป็นจำนวนมาก รวมทั้งจระเข้ จากการสำรวจพบว่ามีสัตว์อาศัยอยู่ประมาณ 148 ชนิด พืช 44 ชนิด มีพันธุ์สัตว์ที่หายากได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร (พบครั้งแรกที่บึงบอระเพ็ด) ปลาเสือตอ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมจะมีนกเป็ดน้ำอพยพมาที่บึงแห่งนี้เป็นจำนวนมาก พื้นที่บางส่วนได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า


วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

คำถามยอดฮิตของการเรียนต่อฝรั่งเศส

FAQ คำถามยอดฮิตของการเรียนต่อฝรั่งเศส

  • Study in France.jpg
FAQ ABOUT STUDY IN FRANCE
คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับเรียนต่อฝรั่งเศส
1) อยากเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ทักษะภาษาฝรั่งเศสยัง beginner อยู่เลย จะเรียนต่อได้มั้ย
การไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสสามารถเรียนหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษได้เช่นกัน เฉกเช่นเดียวกับการที่เราไปเรียนที่ประเทศอื่นๆที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ เช่นจีน ญี่ปุ่น เยอรมันนี เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ดังนั้นการไปฝรั่งเศสเป็นการเปิดโลกทัศน์ของการการศึกษาต่อยุโรปที่ยอดเยี่ยมมาก และสามารถเลือกเรียนภาคภาษาอังกฤษได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาทางด้านบริหารธุรกิจและการจัดการ การท่องเที่ยวการโรงแรม และแฟชั่นดีไซน์


2) ถ้าไปเรียนต่อโททางด้าน MSc in International Luxury & Brand Management ต้องเตรียมบัดเจ็ทเท่าไหร่
สาขาที่คุณถามมีสอนเป็นภาคภาษาอังกฤษ ค่าเรียนจะอยู่ราวๆ 16000 EUR หรือประมาณหกแสนบาท ส่วนค่าครองชีพประมาณสามหมื่นบาทต่อเดือนหรือ 800 ยูโร สำหรับการเรียนปอโทที่ฝรั่งเศส 1 ปี แนะนำว่าบัดเจ็ทราวๆเก้าแสนหรือไม่เกินหนึ่งล้านบาทก็เพียงพอต่อค่าเรียนและค่าครองชีพหนึ่งปี
3) ลังเลอยู่ว่าจะไปต่อปอตรีทางด้านแฟชั่นดีไซน์ที่อังกฤษหรือฝรั่งเศสดี ตัดสินใจไม่ถูกเลย เพราะชอบทั้งสองประเทศ
โดยภาพรวมมาตรฐานการเรียนการสอนของทั้งสองประเทศน่าจะใกล้เคียงกัน ถ้าคุณชอบทั้งสองประเทศให้ลองลิสต์รายการมาว่าแต่ละประเทศมีข้อดีอย่างไร แล้วประเทศไหนจะตอบโจทย์เป้าหมายการศึกษาต่อหรือ career path ในสาขาแฟชั่นดีไซน์ได้มากกว่ากัน โดยทั่วไปนักศึกษาต่างชาติทั่วโลกจำนวนมากเลือกประเทศฝรั่งเศส เพราะเป็น reference ที่ดีของการได้มาเรียนที่เมืองหลวงแฟชั่นของโลกซึ่งนำไปสู่เส้นทางการเป็นดีไซน์เนอร์หรือผู้ประกอบการทางด้านธุรกิจแฟชั่นหรือการบริหารแบรนด์หรูและเป็นที่ยอมรับในวงการ แม้นกระทั่งนักศึกษาชาวอเมริกันและนักศึกษาชาวอังกฤษก็เลือกมาเรียนที่ฝรั่งเศสมากกว่าที่นิวยอร์กหรือลอนดอนเช่นกัน
4) ในระหว่างเรียนสามารถทำงานได้มั้ย
ตามกฎหมายฝรั่งเศส นักศึกษาสามารถทำงานได้ประมาณ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ทั้งนั้นการมาศึกษาต่อที่ฝรั่งเศสจะเน้นเรียนและนำความรู้วิชาการและการมีประสบการณ์จากการฝึกงาน การสนับสนุนการศึกษาของประเทศฝรั่งเศสไม่ได้เน้นที่ study & work ในเวลาเดียวกันเหมือนบางประเทศ ดังนั้นแนะนำว่าคุณควรมีบัดเจ็ทให้พร้อม การได้มีโอกาสทำงานพิเศษเป็นเหมือนของขวัญที่ทำให้คุณได้ pocket money เล็กๆน้อยๆ และได้ประสบการณ์การทำงานและการเรียนรู้ที่จะเข้าสังคมมากกว่า
5) จริงมั้ยที่บอกว่าการไปเรียนต่อฝรั่งเศสต้องปรับตัวเยอะมาก
ก็เห็นจะจริง (หัวเราะ) เพราะจาก feedback ของนักศึกษาไทยหลายๆคนที่ไปเรียนต่อดูจะผจญความวุ่นวาย ความยุ่งยาก ความงี่เง่าของระบบฝรั่งเศสพอสมควร เช่น บางหอพักนักศึกษาต้องใช้ห้องน้ำรวมหญิงชาย เจ้าหน้าที่ฝ่าย immigration ดุและราชการมาก คนขายของบางร้านไม่พูดภาษาอังกฤษเลย ฯลฯ แต่นั่นคือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้จริงๆที่หาไม่ได้จากประสบการณ์ชีวิตนักศึกษาที่เมืองไทย ทั้งนี้ทั้งนั้นประเทศฝรั่งเศสมีข้อดีอื่นๆมากมาย ที่ประเทศไทยเราหรือประเทศยอดฮิตของการเรียนต่ออย่าง อังกฤษ อเมริกา และออสเตรเลีย ไม่มี ก็คือระบบสวัสดิการสังคมที่นักศึกษาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศสหรือต่างชาติจะได้รับเงินช่วยเหลือที่พักนักศึกษา 30% จากรัฐบาล รวมถึงส่วนลดหย่อนต่างๆให้กับนักเรียนนักศึกษา อาทิค่ารถเมล์ รถไฟ สถานที่ท่องเที่ยว อีกทั้งความประทับใจอื่นๆที่ฝรั่งเศส อาทิ ระบบขนส่งมวลชนที่น่าทึ่งและตรงเวลามาก อาหารการกินอันอุดมสมบูรณ์ คอนเนคชั่นกับนักศึกษาฝรั่งเศสและนักศึกษาต่างชาติมากมาย ประสบการณ์การฝึกงานที่ประเทศฝรั่งเศส กิจกรรมวัฒนธรรมและ teambuilding ในหมู่เพื่อนนักศึกษา การได้มีโอกาสไป company visits ในฝรั่งเศสและในยุโรป เป็นต้น
6) สมัครเรียนหลายที่ได้มั้ย
แนะนำว่าให้คุณศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรและสถาบันต่างๆก่อน และเลือกสมัครเรียนในสถาบันที่คุณมั่นใจและอยากไปเรียนมากที่สุดก่อน เพราะการสมัครแต่ละสถาบันมีค่าสมัครด้วยประมาณ 90 -150 ยูโร และแทบทุกสถาบันส่วนใหญ่จะมีสอบสัมภาษณ์ทาง skype หรือโทรศัพท์กับทาง program manager ด้วย ดังนั้นเราไม่แนะนำให้คุณหว่านสมัครไว้เยอะๆ เพราะเป็นการเสียเงินค่าสมัครหลายที่ และเปลือง effort เกินไปโดยใช้เหต และ program manager แต่ละหลักสูตรของแต่ละสถาบันมีความคาดหวังในตัวผู้สมัครเรียนต่อสูงและเขาต้องอุทิศเวลาเพื่อมาสอบสัมภาษณ์คุณ  ในกรณีที่ได้รับการตอบรับและสุดท้ายไม่เลือกศึกษาต่อที่สถาบันนั้นๆ ยกเว้นว่ามีเหตผลจำเป็นจริงๆ ตัวผู้สมัครเองจะดูไม่ดีอย่างแรงในระบบระเบียบการศึกษาต่อของยุโรป (เปรียบประดุจว่าคุณไม่มีความตั้งใจหรือจริงจัง) ดังนั้นให้เลือกสมัครกับสถาบันที่อยากเรียนมากที่สุดก่อน ถ้าสมมุติไม่ได้รับการตอบรับจริงๆ ค่อยส่งเอกสารการสมัครให้กับทางสถาบันที่สอง หรือที่สามตามลำดับ (หากไม่ได้รับการตอบรับ) ทางกลุ่มเรียนต่อฝรั่งเศสเชื่อว่าหากคุณศึกษาข้อมูลมาอย่างดีและเตรียมตัวสมัครอย่างดีเยี่ยมแล้ว คุณย่อมได้รับการตอบรับจากหนึ่งในสถาบันฝรั่งเศสแน่นอน
7) มีญาติอยู่ที่เมือง Limoges อยากให้ช่วยแนะนำสถาบันภาษาที่เมืองนี้ด้วย ตัดสินใจแล้วว่าปักหลักที่นี่
ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่าการมีญาติอยู่ที่ฝรั่งเศสไม่ได้เกี่ยวกับ project studies หรือแผนการเรียนต่อของคุณ สิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญคือ คุณอยากเรียนต่ออะไรหลังจากเรียนภาษาแล้ว สถาบันไหนบ้างที่มีหลักสูตรที่คุณต้องการ และคุณต้องเตรียมตัวอะไรบ้างสำหรับการลงทะเบียน รวมทั้งบัดเจ็ทสำหรับค่าเรียนและค่าครองชีพ หลังจากที่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว คุณจะรู้เองว่าต้องเรียนภาษาและต่อยอดการเรียนต่อปอตรี โท หรือเอก ที่สถาบันไหนหรือเมืองอะไร ซึ่งอาจจะเป็นเมืองที่คุณมีญาติอยู่พอดีก็โอเคไป แต่ถ้าบางสาขาที่คุณอยากเรียนไม่ได้อยู่ในเมืองที่คุณมีญาติอยู่ คุณควรจะเปิดใจให้กว้าง โดยไปเรียนที่เมืองอื่นๆที่ตอบโจทย์เป้าหมายการศึกษาต่อของคุณ ประเด็นนี้ใช้ได้กับนักศึกษาฝรั่งเศสเช่นกัน ตัวอย่างเช่น หลักสูตรปอโททางด้านการจัดการศิลปะของฝรั่งเศส (DESS Management des Arts de La France) มีเปิดสอนไม่กี่ที่คือบางมหาวิทยาลัยในปารีส และที่มหาวิทยาลัยอองเชร์ (Université d'Angers) นักศึกษาจากเมืองอื่นๆ เช่น Grenoble, Montpellier, Paris, etc ต่างก็เลือกมาเรียนต่อที่เมืองอองเชร์เช่นกัน ด้วยเหตผลเดียวว่าที่มหาวิทยาลัยนี้มีหลักสูตรปอโททาง ด้านการจัดการศิลปะของฝรั่งเศส พวกเขาต้องย้ายเมืองและมาอยู่หอพักนักศึกษาที่อองเชร์เพื่อเรียนหลักสูตรนี้
8) อยากมีประสบการณ์การไปเรียนต่างประเทศในสาขา MBA ดูไว้เยอะเลยทั้งที่อเมริกา อังกฤษ เยอรมันนี และฝรั่งเศส ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกที่ไหน
การเลือกประเทศเป็นอีกปัจจัยนึงต่อการศึกษาต่อต่างประเทศซึ่งความรู้วิชาการประเทศดังกล่าวน่าจะมีมาตรฐานและคุณภาพใกล้เคียงกัน โดยทั่วไปนักศึกษาที่เลือกไปฝรั่งเศสจะมีความรักความชอบในประเทศฝรั่งเศสแสนสวยแห่งนี้ อยากอยู่ที่ยุโรปซึ่งเป็นศูนย์กลางของศิลปะและวัฒนธรรมด้วย แม้นจะพูดภาษาฝรั่งเศสได้น้อยนิดมากก็ตาม เพราะพวกเค้าส่วนใหญ่เลือกเรียนต่อโปรแกรมอินเตอร์ หรือหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษอยู่แล้ว  และการได้สัมผัสไลฟ์สใตล์ในแบบชีวิตนักศึกษาที่ฝรั่งเศสต่างหากเล่า คือสิ่งที่เติมเต็ม student life ของพวกเค้า หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความคิดคล้ายๆแบบนี้ค่อนไปมากกว่า 50% ตัดสินใจเลือกเรียนฝรั่งเศสเถอะ แล้วจะไม่ผิดหวัง :) 
9) ถ้าเรียนต่อสาขากฎหมายที่ฝรั่งเศส ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
แน่นอนสาขากฎหมายส่วนใหญ่สอนภาคภาษาฝรั่งเศส คุณต้องมีผลสอบภาษาฝรั่งเศส DELF B2 ขั้นต่ำมายื่นสำหรับการสมัคร หรือบางสถาบันควรมีผลสอบภาษาฝรั่งเศส เลเวล C1 มายื่นจะเห็นว่า require สูงมาก การเตรียมความพร้อมภาษาฝรั่งเศสของคุณสามารถเริ่มที่เมืองไทยจนกระทั่งไปถึงประเทศฝรั่งเศส แม้นว่าคุณจะได้ B2 หรือ C1 มาจากเมืองไทยแล้วก็ตาม และพร้อมจะกระโดดเข้าคลาสปอโทกฎหมายในวันแรกของการเรียนได้เลย เราแนะนำว่าคุณควรไป warm up เรียนภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติมที่สถาบันภาษาในฝรั่งเศสก่อนเปิดเทอมปอโทอย่างน้อยๆ 1 เทอมหรือหกเดือนก็ยังดี เพราะชั้นเรียนปอโทที่โน่นจะหนักมาก และเลคเชอร์เร็วมาก อาจารย์ที่โน่นไม่สนใจว่าคุณเป็นนักศึกษาต่างชาติและจะพูดช้าๆชัดให้คุณเข้าใจ อาจารย์จะเลคเชอร์ปกติ ประหนึ่งคุณเป็นคนฝรั่งเศส หน้าที่ของคุณคือตามเลคเชอร์และทำความเข้าใจกับสิ่งที่อยู่ในห้องเรียนให้ทัน ซึ่งเป็นภาวะที่ลำบากมากสำหรับคนที่ไปถึงฝรั่งเศสใหม่ๆและไม่ได้เก็บชั่วโมงเรียนภาษาฝรั่งเศสที่สถาบันภาษาในฝรั่งเศสเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างสมบูรณ์​ ดังนั้นการเรียนภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติมที่สถาบันภาษาที่ฝรั่งเศสด้วยจะช่วยให้คุณมีความเข้าใจและมีความยืดหยุ่นของเลคเชอร์ที่มีความเป็นฝรั่งเศสจัดๆได้เป็นอย่างดี
อนึ่ง สำหรับสาขาอื่นๆหลักสูตรภาคภาษาฝรั่งเศสก็ตาม ถ้าใครมีเลเวลภาษาแค่ B1 เราแนะนำให้ไปเรียนภาษาเพิ่มเติมที่ฝรั่งเศสเลยอย่างน้อยหนึ่งปี รับรองว่าคุณจะแฮ้ปปี้กับคลาสปอโทฝรั่งเศส เพราะคุณคุ้นเคยและเคยชินแล้วกับภาษาฝรั่งเศสแบบจัดหนักดังกล่าว ที่สำคัญเทอมแรกของการเรียนในแบบเลคเชอร์ของภาษาฝรั่งเศสจะโหดมาก แต่หลังจากนั้นคุณจะชินและเกิดอาการปรับตัวได้โดยอัติโนมัติ เทอมต่อไปของการเรียน French program จะเป็นเรื่องสบายๆสำหรับคุณเลย
10) เพิ่งจบปอตรีวิศวะมาหมาดๆ และอยากต่อโทบริหารทางด้าน Global Business Management (English track) ที่ฝรั่งเศส จะเป็นไปได้มั้ย
เนื่องจากว่าหลักสูตรปอโททางด้าน Global Business Management จะค่อนข้างประยุกต์กับนักศึกษาที่จบปอตรีมาแล้วหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นวิศวกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ รัฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือสาขาอื่นๆนอกเหนือจากบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะได้มีโอกาสตอบรับให้เรียนในสาขานี้ สำคัญคือคุณต้องมีผลภาษาอังกฤษที่แข็งแรงด้วย (TOEIC 750 หรือ IELTS 6.5 ขั้นต่ำ) และแสดง motivation อย่างแรงกล้าและชัดเจนว่าการเรียนหลักสูตรจะทำให้คุณได้ dual competency จากสาขาวิศวะยังไง และประโยชน์ของหลักสูตรที่จะต่อยอดเส้นทางการทำงานของคุณหลังจากเรียนจบ ถ้าคุณตอบคำถามเหล่านี้ได้ ทางสถาบันในฝรั่งเศสก็ไม่ปฏิเสธที่จะตอบรับให้คุณได้เข้าศึกษาต่อในสาขานี้เช่นกัน
11) ประเทศฝรั่งเศสมีอะไรน่าเรียนบ้างครับ
ประเทศฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมานานกว่าประเทศไทยและอีกหลายๆประเทศในโลก ดังนั้นความก้าวหน้าทางวิชาการด้านการศึกษาจึงมีทางเลือกที่มากมายและหลากหลาย ซึ่งถ้าคุณคิดจะเลือกเรียนสาขาใดสาขาหนึ่งในประเทศฝรั่งเศสแล้ว คูณจะแก่นความรู้ของสาขาวิชานั้นๆอย่างถึงรากลึก ซึ่งจะทำให้คุณนำมาใช้ในอาชีพ และปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของการทำงานแบบยุโรปๆได้
จากคำถามว่าอะไรน่าเรียนบ้าง ขอตอบว่ามีอะไรที่น่าสนใจให้เรียนมากมายมรประเทศฝรั่งเศส แต่ต้องหันกลับไปถามตัวผู้เรียนเองว่า "คุณหล่ะ มีความสนใจอยากเรียน และได้ความรู้อะไรบ้าง" 
 
สถาบันการศึกษาในประเทศฝรั่งเศส ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก มีชื่อเสียงหรือไม่มีก็ตาม จะรับคุณเข้าเรียนได้ ก็ต่อเมื่อคุณแสดงเจตจำนงค์ให้กรรมการเห็นอย่างชัดเจนว่าคุณสนใจที่จะสมัครเรียนสาขาด้านนั้นจริงๆ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะมีเกรดเฉลี่ยจากเมืองไทยไม่ค่อยสูงนักก็ตาม ดังนั้นถ้าคิดจะเรียนต่อประเทศฝรั่งเศสจริงๆ กรุณาวางแผนการศึกษาของคุณสักนิด ก่อนมาสอบถามฝ่ายแนะแนว แล้วคุณก็จะได้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตทางการศึกษาของคุณกลับไป
 
12) อยากเรียนต่อด้านนิติศาสตร์และรัฐศาตร์ ไม่ทราบว่ามหาวิทยาลัยไหนมีชื่อเสียงด้านนี้คะ ได้ยินว่ามหาวิทยาลัย Sorbonne มีชื่อเสียงระดับโลก เข้าเรียนยากมั้ย
 
มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสทั้งหมดกว่า 87 มหาวิทยาลัยเป็นของรัฐบาลทั้งสิ้น และไม่มีการจัดลำดับความมีชื่อเสียงแต่อย่างใด มหาวิทยาลัยทุกแห่งได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของประเทศฝรั่งเศส  มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ (SORBONNE) เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศส และแห่งหนึ่งของโลก จึงไม่น่าแปลกที่คนไทยจะได้ยินชื่อมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์กันบ่อยครั้ง เมื่อพูดถึงการเรียนต่อกฎหมาย รัฐศาสตร์หรือด้านอื่นๆในประเทศฝรั่งเศส  ถ้าคุณคิดจะเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศส ก่อนอื่นคุณควรจะรู้ว่าจะเรียนสาขาไหน เพื่อหาสถาบันการศึกษาในฝรั่งเศสว่ามีที่ไหนที่สอนสาขานี้ เช่นถ้าเป็นสาขาด้านนิติศาสตร์  มีมหาวิทยาลัยไหนบ้างเปิดสอนสาขานี้ ดังนั้นการจะเลือกเรียนต่อ สิ่งที่คุณควรคำนึงถึงมากที่สุด ไม่ใช่ความมีชื่อเสียงของสถาบัน แต่ควรให้ความสำคัญกับความรู้ที่คุณจะได้มากกว่าว่าที่ไหนเปิดสอนด้านที่คุณสนใจ 

สำนวนการเขียนจดหมาย ภาษาฝรั่งเศส

จดหมาย : ที่อยู่

นาย N. Summerbee
ถนนหลัก 335
New York NY 92926
Clarisse Beaulieu
18, rue du Bac
75500 Paris.
รูปแบบที่อยู่มาตรฐานของอังกฤษ:
ชื่อผู้รับ
เลขถนน+ชื่อถนน
ชื่อเมือง+เขต+รหัสไปรษณีย์
คุณ Jeremy Rhodes
ถนนเลขที่212 ถนนSilverback Drive
California Springs CA 92926
Jeremy Rhodes
212 Silverback Drive
California Springs CA 92926
รูปแบบที่อยู่มาตรฐานแบบอเมริกัน:
ชื่อผู้รับ
เลขถนน+ชื่อถนน
ชื่อเมือง+ชื่อย่อเมือง+รหัสไปรษณีย์
คุณ Adam Smith
เลขถนน 8 ถนน Crossfield
Selly Oak
Birmingham
West Midlands
B29 1WQ
Adam Smith
8 Crossfield Road
Selly Oak
Birmingham
West Midlands
B29 1WQ
รูปแบบที่อยู่มาตรฐานแบบอังกฤษและไอริช:
ชื่อผู้รับ
เลขถนน+ชื่อถนน
ชื่อเมือง+ชื่อเมือง
เขต
รหัสไปรษณีย์
คุณ Sally Davies
เลขถนน155 ถนนMountain Rise
Antogonish NS B2G 5T8
Claude Dubois
44, rue des Océans
Ottawa (Ontario) K1A 0A3
รูปแบบที่อยู่มาตรฐานแบบแคนาดา:
ชื่อผู้รับ
เลขถนน+ชื่อถนน
ชื่อเมือง+ชื่อย่อจังหวัด
รหัสไปรษณีย์
คุณ Celia Jones
เลขที่ถนน47 ถนนHerbert
Floreat
Perth WA 6018
Jacques Durant
rue des Fleurs 25
1000 Bruxelles.
รูปแบบที่อยู่มาตรฐานแบบออสเตรเลีย:
ชื่อผู้รับ
เลขถนน+ชื่อถนน
ชื่อจังหวัด
ชื่อเมือง+รหัสไปรษณีย์
ถนน Alex Marshall
ถนนเลขที่ 745 ถนน King
West End, Wellington 0680
Stéphane Bajon
50 avenue de la République
1500 Genève.
รูปแบบที่อยู่มาตรฐานแบบนิวซีแลนด์:
ชื่อผู้รับ
เลขถนน+ชื่อถนน
ชื่อจังหวัด/เลขถนน/บ้านเลขที่
ชื่อเมือง+รหัสไปรษณีย์

จดหมาย : การเปิดเริ่มต้น

เรียน จอห์น
Cher Benjamin,
ไม่เป็นทางการ วิธีมาตรฐานเพื่อกล่าวกับเพื่อน
เรียนคุณพ่อ/คุณแม่
Chère Maman / Cher Papa,
ไม่เป็นทางการ รูปแบบมาตรฐานเพื่อกล่าวกับบิดามารดา
เรียนคุณลุง เจอโรม
Cher Oncle Jeremy,
ไม่เป็นทางการ รูปแบบมาตรฐานสำหรับการกล่าวกับสมาชิกในครอบครัว
สวัสดีค่ะ/ครับ คุณจอห์น
Salut Sylvain,
ไม่เป็นทางการ รูปแบบมาตรฐานเพื่อกล่าวกับเพื่อน
ว่าไง จอห์น
Coucou Daniel,
ทางการเป็นอย่างมาก รูปแบบมาตรฐานเพื่อกล่าวกับเพื่อน
จอห์น
Victor,
ไม่เป็นทางการ รูปแบบทางตรงในการกล่าวกับเพื่อน
ที่รักของฉัน
Mon chéri / Ma chérie,
ไม่เป็นทางการ ใช้เพื่อต้องการกล่าวถึงคนที่คุณรัก
สุดที่รักของฉัน
Mon cher et tendre / ma chère et tendre
ไม่เป็นทางการ ใช้เพื่อต้องการกล่าวถึงคู่ของคุณ
ถึงจอห์นสุดที่รัก
Mon très cher Christophe,
ไม่เป็นทางการ ใช้เพื่อต้องการกล่าวถึงคู่ของคุณ
ขอบคุณสำหรับจดหมายของคุณ
Merci pour votre lettre.
ใช้เมื่อต้องการตอบกลับ
มันเป็นเรื่องน่ายินดีมากที่คุณตอบกลับมาอีกครั้ง
Cela m'a fait plaisir d'avoir des nouvelles.
ใช้เมื่อต้องการตอบกลับ
ฉันต้องขอโทษคุณมากที่ไม่ได้ติดต่อคุณมาเป็นระยะเวลานาน
Je suis désolé de ne pas t'avoir écrit depuis si longtemps.
ใช้เมื่อเขียนถึงเพื่อนเก่าที่คุณไม่ได้ติดต่อมานานมากแล้ว
มันเป็นเวลานานมากที่เราไม่ได้ติดต่อกัน
Cela fait si longtemps que l'on ne s'est pas contacté.
ใช้เพื่อเขียนถึงเพื่อนเก่าที่คุณไม่ได้ติดต่อมาเป็นเวลานาน

จดหมาย : เนื้อหาหลัก

ฉันจะเขียนถึงคุณว่า...
Je t'écris pour te dire que...
ใช้เมื่อคุณมีข่าวสำคัญๆ
คุณมีแผนสำหรับ...แล้วหรือยัง?
As-tu prévu quelque chose pour...?
ใช้เมื่อคุณต้องการเชิญชวนใครสักคนมางานหรือต้องการนัดเจอ
ขอบคุณมากสำหรับการส่ง/เชิญชวน/แนบมา...
Merci pour l'envoi de / l'invitation pour / l'information sur...
ใช้เมื่อต้องการขอบคุณใครสักคนเมื่อเขาส่งอะไรมาให้/เชิญชวนใครสักคนไปที่ไหนสักแห่ง/แนบข้อมูลมาด้วย
ฉันรู้สึกดีใจมากที่คุณบอกให้ฉันทราบ/เอื้อ/เขียนถึงฉัน
Je te suis très reconnaissant(e) de m'avoir fait savoir que / offert / écrit...
ใช้เมื่อต้องการขอบคุณใครสักคนเมื่อเขาคนนั้นได้บอกอะไรคุณ/ให้อะไรคุณหรือเขียนอะไรถึงคุณอย่างจริงใจ
มันเป็นเรื่องดีอย่างมากที่คุณเขียน/เชิญชวน/ส่ง...มาให้ฉัน
Ce fut très aimable à toi de m'écrire / m' inviter / m'envoyer...
ใช้เมื่อคุณรู้สึกปลาบปลื้มกับบางสิ่งที่เขาคนนั้นเขียนให้คุณ/เชิญชวนหรือส่งให้คุณ
ฉันรู้สึกยินดีอย่างมากที่จะประกาศว่า...
J'ai la joie de vous annoncer que...
ใช้เมื่อต้องการประกาศข่าวดีให้แก่เพื่อนๆของคุณ
ฉันรู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้ยินว่า...
J'ai eu la joie d'apprendre que...
ใช้เมื่อต้องการถ่ายทอดข้อความหรือข่าวสารต่างๆ
ฉันขอโทษที่ต้องบอกคุณว่า...
J'ai le regret de vous informer que...
ใช้เมื่อต้องการบอกข่าวร้ายให้แก่เพื่อน
ฉันต้องขอแสดงความเสียใจที่ได้ยินว่า...
J'ai été désolé(e) d'apprendre que...
ใช้เมื่อต้องการปลอบเพื่อนเกี่ยวกับข่าวร้ายที่พวกเขาได้รับ

จดหมาย : การปิดท้าย

ส่งความรักของฉันให้แก่...และบอกเขาว่าฉันคิดถึงเขามากแค่ไหน
Transmets mon salutations à... et dis lui qu'il/elle me manque.
ใช้เมื่อต้องการบอกผู้อื่นว่าคุณลืมเขาในผู้รับจดหมาย
...ส่งความรักของเขาและเธอมาให้คุณ
...envoie ses salutations.
ใช้เมื่อต้องการเพิ่มความเป็นห่วงเป็นใยของคนอื่นเข้ามาในจดหมาย
ฝากสวัสดี...ให้ฉันด้วย
Dis bonjour à... de ma part.
ใช้เพื่อต้องการยอมรับคนอื่นผ่านคนที่คุณกำลังเขียนถึง
ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคุณตอบกลับมาอีกครั้ง
Dans l'attente d'une réponse très prochaine de ta part.
ใช้เมื่อคุณต้องการรับจดหมายกลับมา
จะติดต่อกลับไปอย่างเร็วที่สุด
Écris-moi vite.
โดยตรง ใช้เมื่อคุณต้องการรับจดหมายตอบรับ
กรุณาติดต่อกลับมาเมื่อ...
Écris-moi quand...
ใช้เมื่อคุณต้องการให้ผู้รับตอบกลับหรือบอกรายละเอียดเมื่อพวกเขามีข่าวคราวในเรื่องต่างๆ
กรุณาส่งข่าวคราวมาให้ฉัน เมื่อคุณรู้อะไรเพิ่มเติม
Envoie-moi des nouvelles quand tu en sauras plus.
ใช้เมื่อคุณต้องการให้ผู้รับตอบกลับมาเมื่อพวกเขามีข่าวคราวในเรื่องต่างๆ
ดูแลตัวเองดีๆนะ
Prends soin de toi.
ใช้เมื่อเขียนถึงครอบครัวและเพื่อนๆ
ฉันรักคุณ
Je t'aime.
ใช้เมื่อเขียนถึงคู่รักของคุณ
ขอให้โชคดี
Tous mes vœux,
ไม่เป็นทางการ ใช้กันระหว่างครอบครัว เพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน
ขอให้โชคดี
Amitiés,
ไม่เป็นทางการ ใช้เมื่อเขียนถึงครอบครัวและเพื่อน
ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
Amicalement,
ไม่เป็นทางการ ใช้เมื่อเขียนถึงครอบครัวหรือเพื่อน
โชคดี
Bien à vous/toi,
ไม่เป็นทางการ ใช้เมื่อต้องการเขียนถึงครอบครัวหรือเพื่อน
ด้วยความรักยิ่ง
Tendrement,
ไม่เป็นทางการ ใช้เมื่อเขียนถึงครอบครัวและเพื่อนๆ
ด้วยความรักอย่างยิ่ง
Bises,
ไม่เป็นทางการ ใช้เมื่อเขียนถึงครอบครัว
รักอย่างมาก
Bisous,
ไม่เป็นทางการ ใช้เมื่อเขียนถึงครอบครัว

การอวยพรวันเกิด ภาษาฝรั่งเศส

ตั้งชื่อภาพ Say Happy Birthday in French Step 1

ร้องอวยพรว่า "Joyeux anniversaire!คำพูดนี้เป็นคำอวยพรพื้นฐานที่เรามักพูดกันในประเทศฝรั่งเศส โดยมีความหมายคือ “สุขสันต์วันเกิด” นั่นเอง
  • พึงระลึกไว้ว่าคุณสามารถอวยพรวันเกิดด้วยคำพูดด้านบนที่ควิเบกและเมืองอื่น ๆ ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสในประเทศแคนาดาได้เช่นกัน แต่คำพูดนี้ไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก
  • คำพูดนี้หากแปลตรงตัวจะได้ความว่า “สุขสันต์วันเกิด”
  • Joyeux แปลว่า “ความสุข” “ความสนุกสนาน” หรือ “ความรื่นเริง”
  • Anniversaire อาจแปลได้ว่า “วันเกิด” หรือ “วันครบรอบ” แต่หากพูดโดด ๆ มักจะหมายถึงวันเกิดมากกว่า หากจะใช้ในความหมายว่าวันครบรอบ เช่น วันครบรอบแต่งงาน คุณจะต้องพูดว่า "anniversaire de mariage."
ตั้งชื่อภาพ Say Happy Birthday in French Step 2

อวยพรว่า "Bon anniversaire!" ซึ่งเป็นคำอวยพรพื้นฐานอีกคำที่มักพูดกันในประเทศฝรั่งเศสและแปลว่า “สุขสันต์วันเกิด” เช่นกัน
  • แม้ผู้คนในเมืองที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสในประเทศแคนาดาจะรู้จักและเข้าใจความหมายของคำว่า joyeux anniversaire และ bon anniversaire แต่ทั้งสองคำไม่ใช่คำอวยพรวันเกิดที่นิยมพูดกันในประเทศนี้นัก
  • Bon มีความหมายว่า “ดี” หรือ “เหมาะสม” ดังนั้นเมื่อแปลอย่างตรงตัว คำอวยพรนี้จึงอาจแปลได้ว่า “ขอให้มีวันเกิดที่ดี” แทนที่จะแปลว่า “สุขสันต์วันเกิด”
ตั้งชื่อภาพ Say Happy Birthday in French Step 3

หากต้องการอวยพรวันเกิดในเมืองที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสในประเทศแคนาดา เช่น ควิเบก ให้พูดว่า "bonne fête"  จะดีกว่าเพราะเป็นคำที่นิยมใช้มากที่สุด
  • ในขณะที่ "joyeux anniversaire" และ "bon anniversaire" ยังพอเป็นที่เข้าใจในประเทศแคนาดาอยู่บ้าง เราไม่สามารถอวยพรวันเกิดว่า "bonne fête" ได้ในประเทศฝรั่งเศส เพราะคนฝรั่งเศสจะเอ่ยคำว่า "bonne fête" เพื่ออวยพรเนื่องในโอกาส “วันฉลองนาม” หรือวันฉลองนักบุญที่คนใช้ชื่อตาม ไม่ใช่เพื่ออวยพรวันเกิด
  • Bonne เป็นสรรพนามเพศหญิงของคำว่า "bon" และมีความหมายว่า “ดี” หรือ “เหมาะสม” เช่นกัน
  • Fête แปลว่า "การเฉลิมฉลอง"
  • หากแปลอย่างตรงตัว คำว่า "bonne fête" หมายความว่า “ขอให้มีงานเฉลิมฉลองที่ดี”
ตั้งชื่อภาพ Say Happy Birthday in French Step 4
อวยพรว่า "Passez une merveilleuse journée!" แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ขอให้มีวันที่ยอดเยี่ยม
  • Passez คือคำกิริยาที่ผันมาจากคำกิริยาเดิมคือ "passer," มีความหมายว่า “ผ่าน” หรือ “ใช้เวลา”
  • Merveilleuse แปลว่า "ยอดเยี่ยม"
  • Une journée แปลว่า "วัน"
ตั้งชื่อภาพ Say Happy Birthday in French Step 5
อวยพรว่า "meilleurs vœux.” เมื่อเอ่ยคำนี้ แปลว่าคุณปรารถนาให้อีกฝ่าย “สมปรารถนาทุกประการ” ในวันเกิด
  • พึงระลึกว่าคำอวยพรนี้ไม่เป็นที่นิยมใช้กันมากนักในวันเกิด แต่หากใช้ก็เป็นที่เข้าใจกัน
  • Meilleurs แปลว่า “ดีเยี่ยม” ส่วน "vœux" แปลว่า “ปรารถนา” หรือ “คำอวยพร”
ตั้งชื่อภาพ Say Happy Birthday in French Step 6

อวยพรว่า "félicitations" คำอวยพรนี้มักใช้เพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสวันเกิด
  • การอวยพรด้วยคำนี้อาจฟังไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่ในประเทศฝรั่งเศส การแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสวันเกิดนั้นแพร่หลายมากกว่าในประเทศสหรัฐอเมริกา
  • Félicitations แปลตรงตัวได้ว่า “ขอแสดงความยินดี”
ตั้งชื่อภาพ Say Happy Birthday in French Step 7

ถามว่า "quel âge avez-vous? เราจะถามคำถามนี้เมื่อต้องการทราบว่าเจ้าของวันเกิดอายุเท่าไหร่
  • คำถามเกี่ยวกับอายุนี้จะถามได้ก็ต่อเมื่อคุณรู้จักเจ้าของวันเกิดดีพอสมควรและได้เอ่ยอวยพรวันเกิดไปแล้ว หากถามผิดกาลเทศะอาจจะฟังผิดหูหรือดูไม่สุภาพได้ ไม่ว่าจะถามเป็นภาษาอะไร คุณก็ไม่ควรจะถามอายุคนแปลกหน้าอยู่แล้วนี่นะ
  • Quel แปลว่า "อะไร" หรือ "สิ่งใด"
  • คำว่า "âge" ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “อายุ”

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สัตว์โลกน่ารักของทวีปออสเตรเลีย


       นกกีวี (Kiwi) เป็นนกชนิดหนึ่งที่บินไม่ได้ ออกหากินเวลากลางคืน ตัวผู้ทำหน้าที่ฟักไข่ มีถิ่นฐานตามธรรมชาติอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้น ขนาดของนกกีวีจะอยู่ประมาณขนาดของไก่บ้าน 1 ตัวนกกีวีเป็นนกที่ออกไข่ได้ฟองใหญ่กว่าขนาดตัวของตัวเอง ในประเทศนิวซีแลนด์ มีนกกีวีอยู่ 5 สายพันธุ์ ได้ถูกจัดให้เป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ นกกีวีเป็นสัตว์กลางคืน ขี้อาย และชอบอยู่อย่างสันโดษ การใช้ชีวิตแบบสัตว์กลางคืนนี้ จริงๆแล้วไม่ได้เป็นธรรมชาติของนกกีวี นักวิทยาศาสตร์ได้สันนิษฐานว่าเกิดจากการที่เป็นสัตว์ที่ถูกล่าเยอะ จึงต้องระวังตัวเป็นพิเศษ แต่ถ้าในเขตที่ไม่มีผู้ล่า นกกีวีจะออกมาใช้ชีวิตเหมือนกับสัตว์กลางวันชนิดอื่นปกติทั่วไป นกกีวีชอบอาศัยอยู่ในที่แห้ง โดยเฉพาะในป่า แต่มันสามารถปรับตัวให้เข้ากับหลายๆสถานที่ได้อย่างง่ายดาย นกกีวีมีประสาทในการดมกลิ่นได้ดีเยี่ยม เช่นเดียวกับนกตัวอื่นๆ แต่เป็นนกชนิดเดียวเท่านั้นที่มีรูจมูกอยู่ตรงปลายของปากแหลมๆ นกกีวีปกติจะกินแมลงตัวเล็กๆ หนอน และเมล็ดพืช แต่บางสายพันธุ์จะกินผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ปลาไหล หรือแม้แต่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เพราะว่ารูจมูกอยู่ที่ปลายปากแหลมๆ ทำให้มันสามารถกินแมลงหรือหนอนใต้ดินได้ โดยที่ไม่ต้องมองเห็น เพียงแค่จิกลงไปเฉยๆ นกกีวีมีความสำคัญมากต่อชนเผ่ามาวรี คนมาวรีมีความเชื่อว่านกกีวีเป็นสัตว์เลี้ยงของเทพเจ้าในป่า ขนของนกกีวีจึงถูกนำมาทำเป็นผ้าคลุมที่ใช้ในพิธีกรรมต่างๆของชาวมาวรี ในปัจจุบัน คนมาวรีเลิกล่านกกีวีแล้ว แต่จะใช้เฉพาะขนจากนกกีวีที่ตายแล้วเท่านั้น คนมาวรีมองว่านกกีวีเป็นเหมือนผู้พิทักษ์ นกกีวีถูกนำมาใช้เป็นเครื่องหมายในการสู้รบครั้งแรกในศตวรรษที่ 19 หลังจากนั้นไม่นาน ก้เริ่มมีการใช้นกกีวีเป็นสัญลักษณ์ต่อ ๆ มาเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 1906 ยี่ห้อยาขัดรองเท้ากีวี ได้นำนกกีวีมาเป็นสัญลักษณ์ แล้วมีการนำไปขายในยุโรป และ อเมริกา ซึ่งทำให้นกกีวีเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้คนต่างชาติเรียกคนนิวซีแลนด์ว่า กีวี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารนิวซีแลนด์ได้แทนตัวเองว่า กีวี แล้วหลังจากกลับมาจากสงคราม ก้ได้แกะสลักนกกีวีตัวใหญ่ๆไว้บนเทือกเขาในประเทศอังกฤษ ทำให้ทุกคนยิ่งเรียกคนนิวซีแลนด์ว่า กีวี มากขึ้นอีก ต่อมานกกีวีได้ถูกใช้ต่อมาอีกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เหรียญ ตรา เกาะต่างๆ
เผยภาพ กีวีขาว สิ่งเคารพชาวเมารี-สัญลักษณ์พิทักษ์สัตว์
จิงโจ้ (Kangaroo)
จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ที่มีกระเป๋าหน้าท้อง (macropod) (สัตว์อื่นๆ ได้แก่ วอลลาบี จิงโจ้ต้นไม้ วอลลารู เป็นต้น ทั้งหมด 63 ชนิดด้วยกัน) เป็นสัตว์ประจำท้องถิ่นออสเตรเลีย

  
ดิงโก ( Dingo)
        สุนัขป่าชนิดหนึ่ง พบได้เฉพาะที่ออสเตรเลียเท่านั้น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canis lupus dingo ดิงโกเป็นสุนัขป่าเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายสุนัขบ้านมากที่สุด จึงสันนิษฐานว่าบรรพบุรุษของดิงโก สืบเชื้อสายมาจากสุนัขบ้านจากเอเชียอาคเนย์ (รวมถึงประเทศไทยด้วย) โดยเข้ามาอยู่ในออสเตรเลียเมื่อราว 3,000-4,000 ปีก่อน ดิงโกจัดเป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวเท่านั้นในวงศ์สุนัข (Canidae) ที่พบในออสเตรเลีย ดิงโกเป็นสุนัขป่าขนสั้น หางเป็นพวง สีขนมีหลากหลายมาก ส่วนใหญ่จะเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง ในบางตัวอาจมีสีเทาหรือแดง แม้กระทั่งขาวล้วนหรือดำล้วนก็มี มีอุปนิสัยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ มีนิสัยดุร้ายและปราดเปรียวมาก แม้พื้นที่ ๆ อาศัยอยู่จะเป็นทะเลทรายหรือที่ราบกว้างใหญ่ แต่ดิงโกก็สามารถป่ายปีนก้อนหินหรือหน้าผาได้อย่างคล่องแคล่ว ดิงโกจัดเป็นสัตว์อันตรายชนิดหนึ่งในออสเตรเลีย โดยจะโจมตีใส่สัตว์เลี้ยงของมนุษย์เช่น แกะ หรือ ม้า ได้ แม้กระทั่งโจมตีใส่มนุษย์และทำร้ายจนถึงแก่ความตายได้ด้วย ดิงโกเป็นสุนัขที่ไม่เชื่อง ดังนั้น จึงตกเป็นสัตว์ที่ถูกล่าในศตวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบัน ดิงโก มีสถานะที่มีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์ ในทางตอนใต้และตะวันออกของออสเตรเลีย มีการแบ่งเขตเป็นพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์ดิงโก เพื่อไม่ให้ดิงโกเข้ามาปะปนกับมนุษย์หรือสัตว์ชนิดอื่น โดยกั้นเป็นรั้วยาวกว่าครึ่งของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจัดเป็นแนวรั้วที่ยาวที่สุดในโลกปิดคดีดังเมืองจิงโจ้! จนท.ชันสูตรชี้หนูน้อยอาซาเรียถูก “หมาป่าดิงโก้” ลากไปกินจริงเมื่อ 32 ปีก่อน

โคอาลา (Koala)
       เป็นสัตว์ในกลุ่มสัตว์จำพวกจิงโจ้ ตัวเมียจะมีกระเป๋าหน้าท้อง สำหรับให้ลูกอ่อนอาศัยอยู่ จากการที่มันมีลักษณะรูปร่าง หน้าตาคล้ายสัตว์ในตระกูลหมี ทำให้คนส่วนมากเรียกมันว่า หมีโคอาลา (Koala bear) ใน พ.ศ. 2341 มีบันทึกครั้งแรกสุดที่พบโคอาล่า พบโดยชาวยุโรปชื่อ จอห์น ไพรซ์ (John Price) ต่อมาพ.ศ. 2346 ข้อมูลรายละเอียดของโคอาลาเริ่มถูกตีพิมพ์ในซิดนีย์กาเซ็ตต์ (Sydney Gazette) ค.ศ. 1816 นักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศส Blainwill ตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ให้ ชื่อว่า Phascolarctos ซึ่งมาจากภาษากรีก โดยเกิดจากคำ 2 คำ รวมกัน คือคำว่า กระเป๋าหน้าท้องของจิงโจ้ และคำว่า หมี (leather pouch และ bear) ต่อมานักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน Goldfuss ได้ตั้งชื่อที่เฉพาะเจาะจงลงไปเป็น cinereus ซึ่งหมายถึง สีขี้เถ้า โคอาลาอาศัยอยู่ในป่าที่มีต้นยูคาลิปตัส ปัจจุบันจะพบโคอาลาได้ที่ รัฐควีนส์แลนด์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐวิกตอเรีย และ รัฐเซาท์ออสเตรเลีย ศัตรูที่สำคัญคือ มนุษย์ ซึ่งล่าเอาขนของมัน โคอาล่ากินใบยูคาลิปตัสเป็นอาหาร ฟันและระบบย่อยอาหารถูกพัฒนามาให้สามารถกินและย่อยใบยูคาลิปตัสได้ ใบยูคาลิปตัวมีสารอาหารน้อยมาก และยังมีสารที่มีพิษต่อสัตว์ แต่ระบบย่อยอาหารของโคอาลามีการปรับตัว ทำให้สามารถทำลายพิษนั้นได้


แกะพันธ์เมอริโน (Merino)
       เป็นแกะพันธุ์ขนที่ให้ขนคุณภาพดี ขนสีขาวละเอียด และใช้เป็นแกะเนื้อได้ด้วย เนื่องจากมีขนาดใหญ่พอสมควร ตัวโตเต็มที่ตัวผู้มีนำหนัก 75 กิโลกรัม ตัวเมียประมาณ 65 กิโลกรัม ตัวผู้มีเขาใหญ่แบบสว่าน ตัวเมียไม่มีเขา มีการผสมพันธ์เป็นฤดู เป็นสัตว์เลี้ยงที่สำคัญและมีชื่อเสียงในทวีปออสเตรเลีย

เรื่องของ นก

นกกีวี
        นกกีวี (อังกฤษKiwi) เป็นนกจำพวกหนึ่งที่บินไม่ได้ มีลักษณะที่แปลกไปจากนกอื่น ๆ ด้วยมีวิวัฒนาการเป็นของตัวเองอย่างชัดเจน เป็นนกออกหากินเวลากลางคืน มีถิ่นกำเนิดในธรรมชาติอยู่ในนิวซีแลนด์เท่านั้น
ขนาดลำตัวของนกกีวีจะอยู่ประมาณขนาดของไก่บ้าน แต่นกกีวีเป็นนกที่ออกไข่ได้ฟองใหญ่ที่สุดในบรรดานกทั้งหมดเมื่อกับขนาดลำตัว และใช้เวลาฟักนานถึง 3 เดือน โดยตัวผู้ทำหน้าที่ฟักไข่
อุณหภูมิในร่างกายของนกกีวี ปกติจะอยู่ที่ 37-38 องศาเซลเซียส มีปีกขนาดเล็กมาก ยาวเพียง 5 เซนติเมตรเท่านั้น จนแทบจะมองไม่เห็นซ่อนไว้ใต้ขน ไม่มีหาง มีจะงอยปากแหลม มีความยาวประมาณ 20 เซนติเมตร เป็นจุดเด่น มีขนปุกปุยคล้ายขนแมวหรือเส้นผมมนุษย์สีน้ำตาลปกคลุมลำตัว บริเวณใบหน้ามีขนยาวคล้ายหนวด ขุดโพรงอาศัยอยู่บนพื้นดิน มีระบบประสาทการมองเห็นและได้ยินมีพัฒนาการดีเยี่ยม มีนิ้วตีนข้างละ 4 นิ้ว มีเล็บยาว แต่นิ้วหัวตีนเล็กสั้น แตกต่างไปจากนกจำพวกอื่น และใช้นิ้วตีนนี้ในการกระโดดถีบเป็นการป้องกันตัว
นกกีวีจำแนกออกเป็นชนิดต่าง ๆ ได้ 5 ชนิด ได้ถูกจัดให้เป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ นกกีวีเป็นสัตว์หากินตอนกลางคืน ขี้อาย และชอบอยู่อย่างสันโดษ การใช้ชีวิตแบบสัตว์ตอนกลางคืนแบบนี้ แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นธรรมชาติดั้งเดิมของนกกีวี นักวิทยาศาสตร์ได้สันนิษฐานว่าเกิดจากการที่เป็นสัตว์ที่ถูกล่าจากสัตว์นักล่าต่าง ๆ เช่น อินทรีฮาสต์ ซึ่งเป็นอินทรีขนาดใหญ่ กางปีกได้กว้างถึง 10 ฟุต กรงเล็บมีขนาดเท่าอุ้งเท้าของเสือ สามารถล่าสัตว์ขนาดใหญ่อย่าง นกโมอาได้ด้วยซ้ำ จึงทำให้บรรพบุรุษของนกกีวีต้องระแวดระวังตัว แม้ปัจจุบันนี้ทั้งอินทรีฮาสต์และนกโมอาได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว จากการล่าของชาวมาวรี แต่สัญชาตญาณการระแวดระวังตัวของนกกีวียังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน

นกอีมู
ลักษณะประจำพันธุ์ 
หน้ามีสีฟ้าอมเขียว บนหัวมีขลักษณะเด่นและลักษณะด้อย หนังมีคุณภาพดี ขนใช้เป็นเครื่องประดับและตกแต่งเสื้อผ้า เนื้อรสชาติดีคล้ายเนื้อวัว แต่โคเลสเตอรอลต่ำกว่า น้ำมันใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางค์และยาบางชนิด ไข่มีสีสรรสวยงาม 

แหล่งกำเนิด 
มีถิ่นกำเนิดในประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันกรมปศุสัตว์ได้วิจัยและปรับปรุงพันธุ์ที่ ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี 

ขนยาวแข็ง 2 -3 เส้น ปีกเล็กไม่สามารถบินได้ ลักษณะสีขนน้ำตาลเทา มองดูเหมือนสลับลายทั้งตัว ปากสีดำ แข้งสีดำ มีนิ้วเท้า 3 นิ้ว 


นกอีมู, ออสเตรเลีย, นก, สัตว์

นกกระจอกเทศ, สวนสัตว์, จะงอยปาก, หัว

สารคดี การสร้างโรงแรมหรูระดับ 7 ดาว ของดูไบ Burj Al Arab Hotel

ท่องโลกกว้าง ท่องอารยธรรมอาหาร ตอน เปรู ThaiPBS 140406

สารคดีSexวิตถาร โสเภณี โลกโบราณ History Channel Sex in Ancient Egypt

สารคดีท่องโลกกว้าง ตอน รถไฟ ในดินแดน น้ำแข็ง ของ ไซบีเรีย

สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 1 - 4

สะพานมิตรภาพ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์)
แหล่งข่าวแจ้งว่า สะพานมิตรภาพ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงขนาดใหญ่แห่งแรก โดยเชื่อมต่อเทศบาลเมืองหนองคายเข้ากับบ้านท่านาแล้ง นครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว
สะพานแห่งนี้ได้ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 4 เมษายนปี 1994 โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย และนายหนูฮัก พูมสะหวัน ประธานประเทศลาว โดยตัวสะพานมีความยาว 1,170 เมตร มีทางรถ 2 ช่องจราจร ทางเดิน 2 ช่องทาง และทางรถไฟกว้าง 1.000 เมตร 1 ราง ใช้งบประมาณก่อสร้าง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลออสเตรเลีย ใช้ระยะเวลาก่อสร้างระหว่างเดือนตุลาคมปี 1991ถึงเดือนเมษายนปี 1994
20140414224802
สะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต)
ส่วนสะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) เป็นสะพานที่เชื่อมต่อจังหวัดมุกดาหารของประเทศไทยเข้ากับแขวงสุวรรณเขดใน ประเทศลาว เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเศรษฐกิจตะวันตกตะวันออก ซึ่งเริ่มจากพม่า ผ่าน ไทย ลาวและสิ้นสุดที่เวียดนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงของธนาคารการพัฒนาแห่งเอเชีย ซึ่งมีความยาวทั้งหมด 1,600 เมตร มีความกว้าง 12 เมตร และมีช่องการจราจร 2 ช่อง มูลค่าการก่อสร้างประมาณ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแหล่งทุนในการก่อสร้างเป็นเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้กับ รัฐบาลลาว 4,011 ล้านเยน และให้กับรัฐบาลไทย 4,079 ล้านเยน ใช้เวลาก่อสร้างตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2003 ถึงเดือนธันวาคมปี 2006 สะพานเปิดให้สาธารณะใช้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมปี 2006 ในระหว่างการขับรถมายังฝั่งไทย
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2
สะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่วน)
และสะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่วน) เป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศไทย (นครพนม) กับประเทศลาว (คำม่วน) พื้นที่ฝั่งไทย ที่บ้านห้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ฝั่งลาวอยู่ที่บ้านเวินใต้ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน
ควบคุมการก่อสร้างโดยสำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวง และบริษัทอิตาเลียนไทย จำกัดเป็นผู้รับจ้างก่อสร้างใช้งบประมาณก่อสร้างจากรัฐบาลไทยทั้งสิ้น 1,723 ล้านบาท มีระยะเวลาการก่อสร้างรวม 900 วัน สะพานจะแล้วเสร็จในวันที่ 11 พฤศจิกายนปี 2011 คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จก่อนกำหนดถึง 3 เดือน เมื่อสะพานแล้วเสร็จจะเป็นเส้นทางการคมนาคมขนส่งด้านการค้า และการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากประเทศไทย ประเทศลาว ประเทศเวียดนาม และภาคใต้ของประเทศจีน ซึ่งมีความยาวรวม 780 เมตร มีช่องลอดกว้าง 60 เมตร สูง 10 เมตร 2 ช่วง ความกว้างสะพาน 13 เมตร และมีการช่องจราจร 2 ช่อง และไม่มีทางรถไฟ

                                          สะพานมิตรภาพ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย)
 (ลาว: ຂົວມິດຕະພາບລາວ - ໄທ ແຫ່ງທີ 4) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขง เชื่อมต่อระหว่างประเทศไทยที่ บ้านดอนมหาวัน อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายกับประเทศลาวที่บ้านดอน เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ระยะทาง 2.48 กิโลเมตร รูปแบบของสะพานเป็นคอนกรีตรูปกล่อง (Segmental Concrete Box Girder) มีเสา 4 เสา กว้าง 14.70 เมตร เป็นสะพานขนาด 2 เลน แต่ละเลนกว้าง 3.50 เมตร นอกจากสะพานแล้วยังมีโครงการก่อสร้างถนนไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตรเข้าในเขตเมืองห้วยทราย ซึ่งเป็นถนนลาดยางขนาดสองเลน รวมทั้งมีการก่อสร้างด่านตรวจคนเข้าเมืองด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง เป็นการเชื่อมต่อกับเส้นทางR3Aเส้นทางR3A] ที่เชื่อมต่อระหว่างจีน – ลาว –ไทย
บริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นกลุ่ม CR5-KT Joint Venture ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท China Railway No.5 ของจีนและบริษัท กรุงธน เอนจิเนียริง จำกัดของไทย งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 1,624 ล้านบาท โดยการสมทบทุนระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ส่วนรัฐบาลลาวรับผิดชอบค่าชดเชยให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยก่อสร้างตัวสะพานแล้วเสร็จในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555 และได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ใครว่าหมามุ่ยไม่มีประโยชน์ ?

หมามุ่ย ชื่อสามัญ Mucuna
หมามุ่ย ชื่อวิทศาสตร์ Mucuna pruriens (L.) DC. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Mucuna pruriens var. pruriens) จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่วFABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)
หมามุ่ย หรือ หมามุ้ย จัดเป็นพืชเถา ผลเป็นฝักยาว คล้ายถั่วลันเตา มีขนสีน้ำตาลอมทองหรือแดงปกคลุมที่ฝัก หลุดล่วงง่าย ปลิวตามลมและเป็นพิษ เพราะขนหมามุ่ยเต็มไปด้วยสารเซโรโทนิน (Serotonin) เมื่อสัมผัสผิวจะทำให้เกิดอาการคัน แพ้ระคายเคืองอย่างรุนแรง ซึ่งฝักจะออกมาในช่วงฤดูหนาวจนถึงฤดูแล้ง
เมล็ดหมามุ่ย มีสารแอลโดปา (L-Dopa) ซึ่งเป็นสารที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อระบบสืบพันธุ์ และยังเป็นสารสื่อประสาทซึ่งมีส่วนช่วยรักษาโรคพาร์กินสันได้อีกด้วย แต่ต้องใช้ในรูปแบบที่ผ่านการสกัดมายาเม็ดเรียบร้อยแล้ว เพราะร่างกายไม่สามารถรับสารในรูปของเมล็ดสดหรือแปรรูปได้
หมอยาแผนโบราณมีการนำหมามุ่ยมาใช้อย่างหลากหลาย โดยนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่ ราก ใบ ฝัก เมล็ด โดนเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเมล็ดที่ถือว่า เป็นพระเอกของเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ !
ขนหมามุ่ยหากถูกผิวหนังจะทำให้มีอาการคะคายเคือง คัน ปวดแสบปวดร้อน บวมแดงเป็นอย่างมาก สำหรับวิธีการรักษาให้รีบกำจักขนพิษออกจากบริเวณที่สัมผัส โดยใช้เทียนไขลนไฟให้อ่อนตัว หรือจะใช้ข้าวเหนียวนำมาคลึงจนเนื้อข้าวเหนียวกลืนกัน แล้วนำมาคลึงบริเวณที่สัมผัสขนหลายครั้ง ๆจนหมด แต่หากยังมีอาการแดงแสบร้อนหรือคันอยู่ให้ใช้โลชั่นคาลาไมน์มาทา หรือจะใช้สเตียรอยด์พร้อมกับรับประทานยาแก้แพ้ก็ได้ อาการก็จะดีขึ้น

สรรพคุณของหมามุ่ย

  1. หมามุ่ยประโยชน์ของหมามุ่ย ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ไม่เหนื่อยง่าย
  2. ช่วยทำร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เพิ่มความกระฉับกระเฉง
  3. ช่วยทำให้นอนหลับสบาย จิตใจเบิกบานแจ่มใส
  4. ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ดีมากยิ่งขึ้น
  5. ช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำอสุจิ และช่วยปรับคุณภาพของน้ำเชื้อให้ดีมากยิ่งขึ้น
  6. ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ (เพิ่มโอกาสการมีลูกได้มากขึ้น)
  7. ช่วยทำให้คู่รักมีความสุขและช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ดีมากยิ่งขึ้น
  8. ช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศ เพิ่มความถี่ของการผสมพันธุ์ให้มากยิ่งขึ้นเป็น 10 เท่า (มีการทดลองในสัตว์)
  9. หมามุ่ย สรรพคุณช่วยแก้ปัญหาอวัยวะเพศแข็งตัวช้า
  10. ช่วยยืดระยะเวลาในการมีเพศสัมพันธ์ แก้ปัญหาการหลั่งเร็วได้
  11. ช่วยเพิ่มปริมาณของฮอร์โมนเพศ
  12. ประโยชน์หมามุ่ย ช่วยทำให้หน้าอกเต่งตึงมากยิ่งขึ้น
  13. ประโยชน์ของหมามุ่ยช่วยทำให้ผิวพรรณดูมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น
  14. มีส่วนช่วยให้ช่องคลอดกระชับมากยิ่งขึ้น
  15. สรรพคุณเมล็ดหมามุ่ย ช่วยรักษาภาวะการมีบุตรยากทั้งชายและหญิง
  16. หมามุ่ยสรรพคุณทางยาช่วยรักษาโรคพาร์กินสัน
  17. ช่วยผ่อนคลายความเครียด
  18. ช่วยเพิ่มการเผาผลาญและมวลของกล้ามเนื้อ
  19. ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ช้ำใน ด้วยการใช้รากหมามุ่ย 1 กิโลกรัม เมล็ดผักกาด 5 ขีด และเมล็ดผักชี 3 ขีด นำมาตำรวมกันจนเป็นผงแล้วผสมน้ำผึ้งป่าหมักทิ้งไว้ 3 เดือน แล้วนำมาใช้กินก่อนนอน (ขนาดเท่าผลมะพวง)
  20. ช่วยแก้อาการไอ ด้วยการใช้รากหมามุ่ยนำมาต้มกินแก้อาการ (ราก)
  21. หมามุ้ยใช้แก้อาการคัน (ราก)
  22. เมล็ดหมามุ่ย สรรพคุณใช้เป็นยาฝาดสมาน (เมล็ด)
  23. ใช้ถอนพิษ ล้างพิษ (ราก)
  24. ช่วยแก้พิษแมงป่องกันได้ ด้วยการใช้เมล็ดตำเป็นผงแล้วนำมาพอกบริเวณที่โดนต่อย (เมล็ด)
  25. หมามุ่ยประโยชน์ในปัจจุบันมีการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในรูปของผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหารในรูปของแคปซูล หมามุ่ยสกัด กาแฟหมามุ่ย เป็นต้น